“นับเป็นการเผยโฉมของสะสมอันหายากแห่งโลกวิสกี้ ด้วย ลิมิเต็ด เอดิชั่น รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งใจจะทำมานานแล้ว นี่จึงถือเป็นโอกาสแสนพิเศษ ที่เราจะได้ค้นพบรสชาติของผลไม้อันเป็นเอกลักษณ์อยู่ในทุกหยาดหยดของ จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล”
ดร.จิม เบเวอร์ริดจ์ (Jim Beveridge) มาสเตอร์ เบลนเดอร์ ของ จอห์นนี วอล์กเกอร์ (Johnnie Walker Master Blender) กล่าวถึงผลงานชิ้นล่าสุดของเขา
ดร.จิม เบเวอร์ริดจ์ นั้นไม่ธรรมดา ล่าสุดเพิ่งได้รับพระราชทานเหรียญเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นโอบีอี (OBE : Order of the British Empire) จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ พระราชวังวินด์เซอร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา ในฐานะที่ช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรม สก็อต วิสกี้ มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
จอห์นนี วอล์กเกอร์ โดยบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัดเปิดตัว “จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล โกสต์ แอนด์ แรร์ เกลนนูรี โรยัล” (Johnnie Walker Blue Label Ghost and Rare Glenury Royal) โรงแรม พาร์ค ไฮแอท แบงค็อก เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยรุ่นนี้เป็นลำดับที่ 3 ในซีรีส์ Ghost and Rare รังสรรค์ขึ้นจากวิสกี้ “โกสต์” (Ghost) ที่ยากจะหาจากโรงกลั่นอื่นใด เนื่องจากสุดยอดโรงกลั่นที่มีจำนวนไม่กี่โรง ได้ปิดตัวไปเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งจิมเบเวอร์ริดจ์ ก็หลงใหลและทุ่มเทค้นคว้าหารสชาติเฉพาะตัว ที่พบได้ในการเบลนด์ วิสกี้หายากจากคลังของ จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล มานานแล้ว
หัวใจหลักของวิสกี้ชนิดนี้ คือ ซิงเกิ้ล มอลต์ เกลนนูรี โรยัล ของพื้นที่ไฮจ์แลนด์ (Highland) ได้มาจากโรงกลั่นชื่อเดียวกัน ที่ปิดทำการไปแล้วในวันที่ 31 ตุลาคม 1985 ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่มีประวัติศาสตร์อันเปี่ยมสีสัน เฉกเช่นเดียวกับวิสกี้ที่ให้กลิ่นผลไม้อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โรงกลั่นเกลนนูรี โรยัล (Glenury Royal Distillery) ก่อตั้งใน ปี 1825 โดย กัปตันโรเบิร์ต บาร์เคลย์ (Captain Robert Barclay) สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่เคยเดินทางพันไมล์ในเวลาหนึ่งพันชั่วโมง แค่เปิดได้เพียงสัปดาห์แรกก็ต้องถูกไฟไหม้และทำลายสต็อกของข้าวบาร์เลย์ และสิ่งก่อสร้างบางส่วน จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ต่อมาก็มีคนงานเสียชีวิตจากอุบติเหตุหม้อต้ม แต่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมารุ่งโรจน์อีกครั้งราวนกฟีนิกซ์ ภายใต้ความมุ่งมั่นของโรเบิร์ต บาร์เคลย์ กระทั่งเติบโตจนเป็น 1 ใน 3 โรงกลั่นของสก็อตแลนด์ ที่ได้การรับรองจากสำนักพระราชวัง
โรเบิร์ต บาร์เคลย์ เสียชีวิตในปี 1854 อีก 3 ปีต่อมาโรงกลั่นก็ถูกประมูลไปโดย วิลเลียม ริชี (William Richie) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนการครอบครองอีกหลายมือที่สำคัญสปิริตอันหายาก ของกัปตันบาร์เคลย์ ยังคงเก็บรักษาอยู่ในสต็อกของวิสกี้ “โกสต์” อันน่าทึ่ง ซึ่งก็เหลือน้อยลงทุกวัน
ปี 2003 ดิอาจิโอ (Diageo) วางตลาดวิสกี้จากโรงกลั่นนี้รุ่น 50 ปี จำนวน 498 ขวด จากนั้นปี 2005 ก็ออกรุ่น 36 ปี แอลกอฮอล์ 51.2%abv จำนวน 2,100 ขวด
ย้อนกลับมาที่ “จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล โกสต์ แอนด์ แรร์ เกลนนูรี โรยัล”จิม เบเวอร์ริดจ์ กล่าวเสริมว่า “เมื่อไรที่เราคิดถึงและหันไปสนใจวิสกี้ที่หาได้ยากยิ่งนี้ เราต้องอดทนรอคอยอย่างใจเย็น ค่อย ๆ เฝ้าดูถังบ่มของเรา จนถึงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้วิสกี้มีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนใคร”
นอกจากนั้นจิม เบเวอร์ริดจ์ พร้อมทีมงานยังได้บรรจงเลือกวิสกี้หายากอีก 2 ชนิดจากโรงกลั่น “โกสต์” ของ แคมบัส และพิตตี้เวจ (Cambus and Pittyvaich) ซึ่งช่วยสร้างสมดุลระหว่างกลิ่นรสครีมมี ทอฟฟี และบัตเตอร์สกอตช์ กับผลไม้จำพวกแอปเปิ้ลหวานและแอปริคอตรสละมุน ซึ่งเป็นบุคลิกเด่นของ เกลนนูรี โรยัล
ขณะเดียวกันก็มีวิสกี้หายากอีก 5 ชนิดจาก เกลน เอลกิน (Glen Elgin) อินช์โกเวอร์ (Inchgower) เกลนลอสซี (Glenlossie ) คาเมรอนบริดจ์ (Cameronbridge) และเกลนคินชี (Glenkinchie) ให้กลิ่นวานิลลา น้ำผึ้ง และผลไม้แห้ง ที่สอดประสานเข้ากับ ดาร์ก ช็อกโกแลต พร้อมความมันจากถั่ว รวมกันเป็นวิสกี้ “โกสต์” ที่สุดแสนจะหายาก นับเป็นหนึ่งใน ลิมิเต็ด เอดิชั่นของตระกูลจอห์นนี วอล์กเกอร์
จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล โกสต์ และแรร์ เกลนนูรี โรยัล มีแอลกอฮอล์ 43.8% สีทองแดง ดมครั้งแรกได้กลิ่นผลไม้ เช่น พีช แพร์ เชอร์รี มะกอกเขียว แอปเปิ้ลเขียว มะม่วงเชื่อม และถ่านไม้ ขณะที่อยู่ในปากและดื่มมีอบเชย ลูกเกด ดอกไม้ แบล็ค เปปเปอร์ ชอกโกแลต วานิลลา และคาราเมล จบยาวด้วย ครีมมี ผลไม้ น้ำผึ้ง แอปเปิ้ลเขียว อัลมอนด์ และมิเนอรัล
สำหรับ “จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” (Johnnie Walker Blue Label) นั้นเป็นวิสกี้ที่โดดเด่น สร้างสรรค์ขึ้นโดยทีมเล็ก ๆ ของผู้เชี่ยวชาญการเบลนด์ ของจอห์นนี วอล์กเกอร์ บางคนอุทิศตัวในการสร้างความเป็นเลิศมากว่า 30 ปี นำโดย จิม เบเวอร์ริดจ์ “มาสเตอร์ เบลนเดอร์ แห่งปี” 2 สมัย พวกเขาเสาะแสวงหาวิสกี้หายากจากทั่วทิศของสก็อตแลนด์ รวมทั้งวิสกี้ที่หาไม่ได้แล้ว จากโรงกลั่นที่ปิดตัวไปนานแล้ว
ที่สำคัญมีวิสกี้เพียง 1 จาก 10,000 ถัง ในคลังสก็อตช์วิสกี้อันยอดเยี่ยมกว่า 10 ล้านถังของจอห์นนี วอล์กเกอร์ เท่านั้น ที่มีความเข้มข้น และมีคาแรกเตอร์ที่ตรงตามคุณสมบัติในการรังสรรค์จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ซึ่งทุกขวดคือ สก็อตช์วิสกี้ที่นุ่มเนียนราวกำมะหยี่ พร้อมรสชาติ ที่มีเสน่ห์ของผลไม้ เครื่องเทศ และกลิ่นควันหอมกรุ่น
“จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล โกสต์ และแรร์ เกลนนูรี โรยัล” วางตลาดแล้ว โดยทุกขวดประทับตรา และเลขลำดับการผลิต