“มูตอง กาเดต์” โฉมใหม่ที่สดใสไฉไล

ในงาน Vinexpo 2018 ที่ฮ่องกงเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้ชิมไวน์ มูตอง กาเดต์” (Mouton Cadet) วินเทจล่าสุดหลายรุ่นด้วยความอนุเคราะห์ของบริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด (Ambrose Wine) ผู้นำเข้ามูตอง กาเดต์อย่างเป็นทางการ โดยบาฮรอง ฟีลลิป เดอ ร็อธไชลด์ (Baron Philippe de Rothschild) ในฐานะเจ้าของชาโต มูตอง ร็อธชิลด์และมูตอง กาเดต์ มาเปิดบูทใหญ่โต โดยมีทายาทของบารอนเนส ฟิลิปปีนส์ เดอ ร็อธไชลด์ มาร่วมงานด้วยคือฟีลิปป์ เซอเฮรส์ เดอ ร็อธไชลด์ (Philippe Sereys de Rothschild) ลูกชายคนโตที่เกิดกับสามีคนแรก และดูแลธุรกิจไวน์ของครอบครัว อีกคนหนึ่งดูและธนาคารของครอบครัวคือ อเล็กซานเดอร์ เดอ ร็อธไชลด์ (Alexandre de Rothschild) เป็นต้น
จากนั้นเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้ชิมอีกครั้งในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของมูตอง กาเดต์ วินเทจล่าสุดที่มีขายในตลาดเมืองไทยที่ โรงแรม โซ โซฟิเทล แบงคอก (So Sofitel Bangkok ) ซึ่งฉลากออกแบบใหม่ตรงมุมซ้ายด้านบน มีรูปโค้ง ๆ เหมือนเขาแกะเช่นเดียวกับการชิมที่ฮ่องกง โดยสีของแคปซูล ถูกออกแบบให้ต่างกันด้วย เช่น Mouton Cadet Red แคปซูลสีแดง Mouton Cadet White แคปซูลสีทอง Mouton Cadet Rose แคปซูลสีเงิน และ Mouton Cadet Sauvignon Blanc แคปซูลสีเขียว เป็นต้น ครั้งนี้มีการเพิ่มไวน์ระดับกรองด์ ครู คลาสเซ เข้ามาเป็นลาภปากด้วยนั่นคือ ชาโต แคร์ค มิลง ปูญาค 2015 (Chateau Clerc Milon Pauillac 2015) พร้อมจับคู่กับอาหาร ดังนี้
มูตอง กาเดต์ บอร์กโดซ์ เอโอซี บลัง 2016 (Mouton Cadet, Bordeaux AOC Blanc 2016) : ทำจาก โซวีญยง บลัง (Sauvignon Blanc) 70%,เซมิลลง (Semillon) 28% และมุสกาเดลล์ (Muscadelle) 2% สีเหลืองอ่อน ๆ แกมเขียวนิด ๆ ดมครั้งแรกมีกลิ่นดอกมะลิ ตามด้วยผลไม้นานาชนิด เช่น เลมอน แกรฟฟรุต ฝรั่งสุก สับปะรด กูสเบอร์รี เสาวรส และบ๊วย พร้อมทั้งพืชผัก สีเขียว เกสรดอกไม้ หญ้าสด ๆ แอซสิดดีมากดื่มแล้วสดชื่น จบด้วยผลไม้สุก เฮิร์บสด และความสดชื่น
มูตอง กาเดต์ บอร์กโดซ์ เอโอซี โฮรเซ 2017 (Mouton Cadet, Bordeaux AOC Rose 2017) : โฮรเซที่ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon)…สีชมพูอ่อน ๆ มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบแห้ง ๆ และผลไม้ เช่นสตรอว์เบอร์รี ราสพ์เบอร์รี บอดี้ปานกลาง ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ ควรแช่ให้เย็นประมาณ 8-10 องศาเซนเซียส
มูตอง กาเดต์ รีเสิร์ฟ บอร์กโดซ์ เอโอซี รูจ 2015 (Mouton Cadet Reserve Bordeaux AOC Rouge 2015) : รุ่น Reserve ถูกผลิตครั้งแรกในปี 1996 รุ่นนี้เป็นเอโอซี บอร์กโดซ์ (AOC Bordeaux) ใช้องุ่นกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 60% แมร์โลต์ (Merlot) 30% และกาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 10 % บ่ม 12 เดือน สีแดงขอบม่วง สดใสเป็นประกาย หอมกลิ่นผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ มัลเบอร์รี และพลัม ดอกไม้กรุ่น ๆ สไปซี กรีนเปปเปอร์ ชะเอมเทศ ยาสูบ มิเนอรัล แทนนินยังแน่น แอซสิดปานกลาง จบค่อนข้างยาวด้วยผลไม้ และเฮิร์บชุ่มคออีก 3-4 ปีจะอร่อยกว่านี้
ชาโต แคร์ค มิลง ปูญาค 2015 (Chateau Clerc Milon Pauillac 2015) : ไวน์กรองด์ ครู คลาสเซ ชั้น 5 (Grand Cru Classe, Fifth Growths) แห่ง ต.ปูญาค อ.เมด็อค เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) อยู่ในเครือชาโต มูตง ร็อธชีลด์ (Chateau Mouton Rothschild) 1 ใน 5 ของกรอดง์ ครู คลาสเซ ชั้น 1 นั่นเอง คนไทยเรียกไวน์ตัวนี้ว่า “ตุ๊กตาคู่” จากการที่ฉลากมีคนเต้นรำอยู่ 2 คน
เรื่องของฉลาก Chateau Clerc Milon ก็มีความเป็นมาเหมือนกัน โดยในช่วงปี 1970 – 1982 ฉลากข้างขวดเป็นภาพผู้หญิงชูถ้วยฉลองงานแต่งงานในศตวรรษที่ 18 เรียกว่า “Jungfraubecher” ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไวน์และศิลปะของชาโต มูตง ร็อธชีลด์นั่นเอง ปี 1983 เป็นต้นมาจึงมีการเปลี่ยนรูปบนฉลากเป็นรูปชนพื้นเมืองจับคู่เต้นรำกัน ซึ่งเป็นฝีมือของช่างทองชาวเยอรมันในศตวรรษที่ 17
วินเทจ 2015 นี้เบลนด์จากองุ่น 5 พันธุ์คือ กาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet sauvignon) 51% แมร์โลต์ (Merlot) 34% กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 13% เปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 1% และการ์เมแนร์ (Carmenere) 1% ตามสไตล์ที่เรียกว่าบอร์กโดซ์ เบลนด์ (Bordeaux Blend) ทุกประการ
สีแดงเข้มจนเกือบดำแต่ยังมีประกายสดใส ผลไม้เปลือกดำและแดงผสมผสานกัน เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ ราสพ์เบอร์รี เชอร์รี และบลูเบอร์รี กล่องซิการ์ เอิร์ธตี้ ดอกไวโอเล็ต ชอกโกแลต ยาสูบ สไปซี เฮิร์บแห้ง ๆ อบเชย ซีดาร์ แทนนินนุ่มเนียนและหวาน ฟูลบอดี้ น่าจะสุกพร้อมดื่มในปี 2012 เป็นต้นไป และเก็บดี ๆ ในเซลลาร์สามารถอยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ปี
ในเมืองไทยถ้าย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว “มูตอง กาเดต์” (Mouton Cadet) ถือว่าเป็นไวน์ฝรั่งเศสที่คอไวน์เมืองไทยต้องลิ้มลอง ที่สำคัญก็คือเป็น “ไวน์ครู” ของหลาย ๆ คนที่ใช้ศึกษา เรียนรู้และทำความรู้จักกับไวน์ฝรั่งเศส เนื่องจากราคาไม่แพง แต่ได้ความเป็นฝรั่งเศสครบถ้วน
บริษัท บาฮรอง ฟิลิป เดอ ร็อธส์ไชลด์ จำกัด (BPDR) แบ่งสายการไวน์เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มชาโตไวน์ (Chateaux Wines) เช่น ชาโต มูตง รอธส์ชิลด์ และเซคั่น เลเบิ้ลอีกหลายยี่ห้อ รวมทั้งที่ร่วมหุ้นกับต่างชาติ เช่น โอปุส วัน (Opus One) และอัลมาวีวา (Almaviva) เป็นต้น ,และกลุ่ม แบรนเดดไวน์ (Branded Wines) โดยมีมูตอง กาเดต์ เป็นไวน์เรือธง
มูตอง กาเดต์ เป็นที่รู้จักของคอไวน์ทั่วโลก ในฐานะไวน์ที่โด่งดังที่สุดของ AOC Bordeaux (Appellation Bordeaux Controlee) เพิ่งมาเปลี่ยนโฉมใหม่เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ถูกผสมผสานให้มีรสชาติที่นุ่มนวล และสดชื่นขึ้น ทำให้ดื่มง่ายขึ้น พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเก็บเกี่ยวองุ่นจนกระทั่งการหมักบ่ม สามารถดื่มกับอาหารได้หลากหลายขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ในต่างประเทศให้ความเห็นว่า Mouton Cadet อาจจะเรียกว่าเป็นไวน์กู้เศรษฐกิจของชาวไวน์ฝรั่งเศสก็คงไม่ผิดนัก จากการที่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสต้องสูญเสียสภาพพื้นที่การเกษตร เพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะเก็บเศษวัตถุระเบิดให้ออกไปจากพื้นที่ได้ ขณะที่ตระกูลรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ซึ่งนาซีถือว่าเป็นคนยิว แตกกระสานซ่านเซ็น บ้างถูกส่งไปค่ายนรก บ้างก็หนีออกไปนอกประเทศ
แม้แต่ภริยาของบาฮรอง ฟีลิปป์ เดอ ร็อธส์ไชลด์ ที่เป็นชาวฝรั่งเศสแท้ๆ และฝรั่งเศสก็ซูฮกกับนาซี ก็ยังไม่รอด เธอถูกทหารนาซีบุกเข้าไปสังหารในแฟลตที่พักกลางกรุงปารีสต่อหน้าลูกสาว ซึ่งต่อมาคือบาฮรองเนส ฟีลีปปิน เดอ รอธส์ไชลด์ ทายาทที่ดูแลบริหาร BPDR และเสียชีวิตเมื่อปี 2014
เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในการส่งออกไวน์ ตระกูลร็อธส์ไชลด์จึงจำเป็นต้องออกไวน์ราคาย่อมเยาส่งไปขายทั่วโลก ปี 1927 มีการผลิตไวน์ภายใต้ชื่อ “เลส์ คาร์ฮรูดีส เดอ มูตอง ร็อธส์ชิลด์” (Les Carruades de Mouton Rothschild) ด้วยการซื้อองุ่นจากเกษตรกรในบอร์กโดซ์ ให้ทุกคนได้มีเงินหมุนเวียนอยู่รอด ปี 1930 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Mouton Cadet และเติบโตราวจรวด หยุดชะงักบ้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏโฉมอีกครั้งในปี 1947 จนยิ่งใหญ่มาถึงปัจจุบัน
ปลายทศวรรษที่ 1950 มูตอง กาเดต์ ถูกส่งไปให้คอไวน์อังกฤษได้ลิ้มลอง และกลายเป็นไวน์ที่ชาวเมืองผู้ดีหลงไหล จากนั้นจึงเข้าไปครองใจคอไวน์ในสหรัฐช่วงทศวรรษที่ 1960 – 1980 จนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของมูตอง กาเดต์ ส่งออกไปกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ปี 2002 เป็นหนึ่งในไวน์ที่ขายดีที่สุดในโลกคือกว่า 15 ล้านขวด ที่สำคัญมูตอง กาเดต์ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “Bordeaux’s Most Successful Brand”
ตลาดของมูตอง กาเดต์ ในเมืองไทย มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับไวน์ตามชายแดนรอบ ๆ บ้านเรา โดยเฉพาะในแง่ของราคา แต่มักจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องคุณภาพ ที่สำคัญเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีการปลอมแปลงมากที่สุดยี่ห้อหนึ่ง ดังนั้นเพื่อความมั่นใจควรซื้อจากผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการหรือแหล่งที่เชื่อถือได้.

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...