“วิลม์”ไวน์อัลซาส ที่เหมาะกับอาหารไทย

Willm แห่งอัลซาส

เกวืร์ซทรามิเนอร์ รีเซิร์ฟ 2020

ครอบครัว Willm

ครอบครัววิลม์

แคว้นอัลซาสและถนนสายไวน์

ที่ตั้งของวิลม์

ป้ายบอกเส้นทางถนนสายไวน์ อัลซาส

ปีโนต์ นัวร์ รีเสิร์ฟ 2021

รีสลิ่ง King of Alsace

รีสลิ่ง รีเสิร์ฟ 2021

รีสลิ่ง รีเสิร์ฟ แวง บิโอโลจิก 2021

องุ่นเกวืร์ซทารมิเนอร์“อัลซาส“ (Alsace) เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือของฝรั่งเศส อยู่ทางอีสานของประเทศติดกับประเทศเยอรมนี มีแม่น้ำไรน์ (Rhine) เป็นเส้นแบ่งพรมแดน ชาวอัลซาสที่เรียกว่าอัลซาเชียนจะพูดภาษาเยอรมนีได้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเดิมอัลซาสเป็นดินแดนของเยอรมนี มาเสียให้กับฝรั่งเศสหลังแพ้สงคราม และแบ่งประเทศโดยแม่น้ำดังกล่าว
อัลซาสเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นกรองเดสต์ (Grand Est) ซึ่งมีเมืองหลักคือสตราส์บูร์จ (Strasbourg) ซึ่งมีข่าวโด่งดังเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ที่มีฆาตกรโรคจิตกราดยิงผู้คนตายหลายคน และคนไทยโดนลูกหลงเสียชีวิตด้วย 1 คน
อย่างไรก็ตามผลพวงของการได้ดินแดนมาดังกล่าวกลายเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ฝรั่งเศส มีไวน์ขาวที่อร่อย ๆ จากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ ที่ปกติไม่สามารถปลูกในดินแดนดั้งเดิมของฝรั่งเศสได้ดี ไม่เช่นนั้นก็คงจะมีเพียง ชาร์โดเนย์ (Chardonnay) กับโซวีญยอง บลอง (Sauvignon Blanc) เป็นส่วนใหญ่
อัลซาสมีพื้นที่ปลูกองุ่น 15,298 เฮกตาร์ มี 119 หมู่บ้าน ผลผลิตไวน์ปีละประมาณ 111.3 ล้านลิตร และไวน์ที่ผลิตได้ 90% เป็นไวน์ขาว โดย 78% เป็นพื้นที่เอโอซี อัลซาส (AOC Alsace) มีเพียง 4% เท่านั้นที่เป็นเอโอซี อัลซาส กรองด์ ครู ( AOC Alsace Grand Cru) และ 18% เป็นของไวน์ฟอง เอโอซี เครมองต์ ดัลซาส ( AOC Crémant d’Alsace) ผลผลิตไวน์อัลซาสทั้งหมดส่งออกไปต่างประเทศเพียง25%
พันธุ์องุ่นที่ชาวอัลซาเชียนปลูกเพื่อทำไวน์ ส่วนใหญ่มาจากเยอรมนี และปัจจุบันปลูกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ดังนี้ รีสลิ่ง (Riesling ) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น King of Alsace 21.7 % เกวืร์ซทรามิเนอร์ (Gewürztraminer) 18.6 % ปิโนต์ กรีส์ (Pinot Gris) 15.2 % โอแซร์ฮรัวส์ บลอง (Auxerrois Blanc) 14.2% ปิโนต์ นัวร์(Pinot Noir) 9.6 % ซิลวาแนร์ (Sylvaner) 8.9 % ปิโนต์ บลอง (Pinot Blanc) 7 % มุสกาต์ (Muscat) 2.3 % ชาเซลัส (Chaselas) 0.6% และพันธุ์อื่น ๆ เช่น ชาร์โดเนย์ (Chadonnay) และซาวาแญง บลอง (Savagnin Blanc) 1.3 % เป็นต้น รวมพื้นที่ทั้งหมด 15,535 เฮกแตร์ ผลิตไวน์โดยใช้ระบบสหกรณ์เป็นส่วนใหญ่
ไวน์อัลซาสกว่า 90 % เป็นไวน์ขาวดราย รองลงไปเป็นไวน์ขาวหวาน ส่วนไวน์แดงซึ่งเป็นพระเอกของหลายแคว้น หลายเมือง แต่ที่นี่เป็นเพียงตัวประกอบ ถ้าเป็นหนังก็เรียกว่าแค่เดินผ่านกล้องฉากตายแล้ว ขณะเดียวกันมีความพยายามโปรโมทว่าเป็นไวน์ที่เข้ากับอาหารเอเชีย รวมทั้งอาหารไทยได้ดีที่สุด
นอกจากนั้นอัลซาสยังสามารถผลิตฟรุตบรั่นดี (Fruit Brandy) เช่น มิราเบลล์(Mirabelle) ที่ทำจากพลัมสีเหลืองทอง และยังทำสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) อร่อย ๆ ที่เรียกว่าเครมองต์ ดัลซาส (Crémant d’Alsace) ได้ดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ถูกส่งต่อมาจากเยอรมนีก็คือทรงขวดเรียวสูงที่เรียกว่าทรงฟลุต (Flûtes) เหมือนไวน์เยอรมนี ซึ่งในอัลซาสเรียกว่า “ฟรุตส์ ดัลซาส” (Flûtes d’Alsace)
อัลซาสจะมีถนนสายไวน์เรียกว่า ฮรูต์ เดส์ แวงส์ ดัลซาส (Route des Vins d’Alsace) หรือ Wine Route of Alsace ท่านที่ไปอัลซาสใช้ถนนสายนี้รับรองว่าเพลิดเพลินเจริญอุราแน่นอน ความยาวประมาณ 170 กิโลเมตร ทอดจากเหนือถึงใต้ผ่าน 67 คอมมูนที่ทำไวน์ ผมไปอัลซาสครั้งแรกก็ใช้เส้นทางนี้ พอไปหลายครั้งเข้าก็เลือกได้ว่าจะไปไร่ไหน…!!
“วิลม์” (Willm) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์คุณภาพ เก่าแก่ และมีชื่อเสียงของอัลซาส เป็นไวน์อัลซาสอีกแบรนด์หนึ่งที่เข้ามาเมืองไทยกว่า 25 ปีแล้ว ผลัดเปลี่ยนผู้นำเข้ามาหลายราย ปัจจุบันบริษัท แอมโบรส ไวน์ แอนด์ สปิริต จำกัด (Ambrose Wine & Spirit) เป็นผู้นำเข้า โทร.027198206-11
“วิลม์” ก่อตั้งเมื่อปี 1896 ที่เมืองบาร์ (Barr) ทางใต้ของสตราส์บูร์ก ใครจะเชื่อว่าก่อนที่จะมีชื่อเสียงด้านไวน์นั้น เคยประสบความสำเร็จจากการขายหอยมาก่อนคือหอยทาก อัลซาเชียน (Escargots à l’Alsacienne) เป็นหอยทากในน้ำซุปไวน์ขาว สไปซี่เล็กน้อย ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิมของครอบครัว Willm ก่อนที่อาดอลเฟอ วิมม์ (Adolphe Willm) หนึ่งในทายาทของครอบครัวได้ชื่อว่าเป็นผู้หันมาเน้นการผลิตไวน์มากขึ้น
ปัจจุบัน “วิลม์” ผลิตไวน์ขาวจากองุ่นสายพันธุ์ของอัลซาสหลายรุ่น มีทั้งเอโอซี (Alsace AOC) ธรรมดา อัลซาส กรองด์ ครู (Alsace Grand Cru) ไวน๋หวาน (Late Harvest) สปาร์คกลิ้งชื่อดังของอัลซาสคือ เครมองต์ ดัลซาส (Crémant d’Alsace) และฟรุต บรั่นดี เป็นต้น
ล่าสุดที่บริษัท แอมโบรส ไวน์ แอนด์ สปิริต จำกัด จัดแนะพรอมไวน์ดินเนอร์ที่ร้าน No Where Bangkok ประกอบด้วย 4 รุ่นเป็นขาว 3 แดง 1 ดังนี้
วิลม์ อัลซาส เอโอซี เกวืร์ซทรามิเนอร์ รีเสิร์ฟ 2020 (Willm Alsace AOC Gewurztraminer Reserve 2020) : เกวืร์ซทรามิเนอร์ เป็นองุ่นที่ปลูก 18.6 % ในอัลซาสมากเป็นอันดับ 2 รองจากรีสลิ่ง (Riesling) ทำเกวืร์ซทรามิเนอร์ 100% เก็บด้วยมือและค่อย ๆ บีบน้ำ แล้วหมักในถังสแตนเลส 4-6 เดือน จากนั้นบ่มพร้อมยีสต์ 2-3 เดือน
สีเหลืองทอง สดใส หอมกลิ่นผลไม้ แพสชั่นฟรุต สับปะรด ลิ้นจี่ มะม่วง มิเนอรัล ดอกกุหลาบ สไปซี เฮิร์บ เปปเปอร์ อบเชย ยีสต์กรุ่น ๆ แอซสิดสดชื่น จบด้วยผลไม้ และสไปซี่ หน้ารอ้นอย่างนี้แช่เย็นสักประมาณ 11-12 องศา เหมาะกับอาหารไทยหลายอย่าง ยำส้มโอ ปลาสามรส ฯลฯ นอกจากนั้นยังเข้ากับอาหารจีน ญี่ปุ่น และอินเดียบางอย่างซึ่งมีผักบางอย่างและผลไม้เป็นส่วนผสมของเครื่องปรุงด้วย
วิลม์ อัลซาส เอโอซี รีสลิ่ง รีเสิร์ฟ 2021 (Willm Alsace AOC Riesling Reserve 2021) : ทำจากรีสลิ่ง 100% เก็บด้วยมือและค่อย ๆ บีบน้ำ แล้วหมักในถังสแตนเลส 4-6 สัปดาห์ จากนั้นบ่มพร้อมยีสต์ 2-3 เดือน ก่อนจะชิมขอให้ท่านลืมรีสลิ่งเยอรมนีไปก่อน จากการที่แตร์ฮรัวร์ หรือดินฟ้าอากาศต่างกัน ทำให้รสชาติต่างกั
สีเหลืองทอง สดใส หอมกลิ่นผลไม้ ซีททรัส เสาวรส ส้มจีน มะขามป้อม กูสเบอร์รี เปลือกเลมอน มิเนอรัล ยีสต์กรุ่น ๆ แอซสิดสดชื่น จบด้วยผลไม้ มิเนอรัล สไปซี่ มะขามป้อมชุ่มคอ เหมาะกับอาหารไทย ประเภทปลา หอย กุ้ง ย่างและมีน้ำจิ้มหวานนิด ๆ สลัดผักที่น้ำสลัดซีฟู้ด และส้มตำไทย(ไม่ใส่ปลาร้า) อาหารญี่ปุ่นพวกซูชิ เป็นต้น
วิลม์ อัลซาส เอโอซี รีสลิ่ง รีเสิร์ฟ “แวง บิโอโลจิก” 2021 (Willm Alsace AOC Riesling Reserve Vin Biologique 2021) : เหมือนกับรีสลิ่งตัวที่แล้ว เพียงแต่รุ่นนี้เป็นออร์แกนิก ทำจากองุ่นทีปลูกในไร่ที่ปลูกแบบออร์แกนิก ไม่ใช้สารเคมีในการผลิต รสชาติคล้าย ๆ กับ แต่มีอะไรที่บางเบากว่ากันเล็กน้อย ซึ่งไวน์ประเภทนี้ว่ากันว่า ใครชอบก็ชอบเลย ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย เป็นตัวเลือกสำหรับกลุ่มรักษ์โลก และไม่ต้องการสารเคมี
วิลม์ อัลซาส เอโอซี ปีโนต์ นัวร์ รีเสิร์ฟ 2021 (Willm Alsace AOC Riesling Reserve 2021) : ทำจากปีโนต์ นัวร์ 100% เก็บด้วยมือและค่อย ๆ บีบคั้นน้ำ หมัก 36 ชั่วโมง จากนั้นนำไปแช่พร้อมเปลือกอีก 10-15 วัน บ่มในถังสแตนเลสล้วน ๆ ไม่บ่มโอ๊ค ที่สำคัญเป็นปีโนต์ นัวร์อากาศเย็น เพราะฉะนั้นอย่าไปเทียบกับของเบอร์กันดี หรือภูมิภาคอื่นของโลก ถ้ามีส่วนใกล้เคียงน่าจะเป็นสแป๊ตเบอร์กุนเดอร์ (Spätburgunder) ของเยอรมนีหรือออสเตรีย ซึ่งเป็นปีโนต์ นัวร์เวอร์ชั่นเย็น
สีแดงออกไปทางโรเซ่เข้ม ๆ หอมกลิ่นผลไม้ เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี เรดเคอร์แรนต์ มะเฟือง แครนเบอร์รี มิเนอรัล สไปซี เฮิร์บ ใบไม้แช่น้ำ แอซสิดสดชื่น แทนนินนุ่มหวาน จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บ อาจจะยังไม่พร้อมดื่มเต็มที่นัก น่าจะปีหน้าเป็นต้นไป เหมาะกับอาหารไทยประเภทไก่ เป็ด นกพิราบ ปิ้งย่าง และมีซอสหหวานนิด ๆ หรือหมูหัน หมูกรอบ กวาง เปิดปักกิ่ง ฯลฯ ที่มีซอสซีอิ๊วหวานนิด ๆ
ที่สำคัญอัตราภาษีใหม่นี้ทำให้ไวน์ “วิลม์” น่าจับต้องมาก ๆ อากาศร้อนแบบนี้แช่เย็น ๆ ดื่มเล่น ๆ หรือดื่มกับอาหารไทย เหมาะนักเชียว รายละเอียดต่าง ๆ สอบถามที่ผู้นำเข้า โทร.027198206-11

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...