“A good wine comes not only from technique. It comes also from humility, passion, love and care for the vineyards and their products. I received this philosophy as a gift of nature, and I gave it to my sons and to anyone who has joined me in this extraordinary adventure.”
ปรัชญาการทำไวน์ของ “อาร์โจลาส” (Argiolas) แห่งเกาะซาร์ดิเนีย (Sardinia) ซึ่งผู้ก่อตั้งได้ตั้งเอาไว้ และยังยึดถือมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะข้อความในช่วงแรก “ไวน์ดี ไม่ได้มาจากเทคนิคอย่างเดียว แต่ต้องประกอบด้วยดินฟ้าอากาศ ความรักและการดูแลเอาใจใส่องุ่นด้วย……….”
ในอดีตที่ผ่านมา แทบจะไม่มีใครคิดว่าไวน์จากดินแดนชาวเกาะแห่งนี้จะถูกสั่งเข้ามาให้คนไทยได้ลิ้มลอง เพราะขนาดไวน์อิตาลีเยี่ยมจากทัสคานี หรือเพียดมอนต์ยังขายกันแทบรากเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาษีรอบใหม่เเขม็งเกลียวเข้ามา
“ซาร์ดิเนีย” (Sardinia) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า ซาร์เดญญา (Sardegna) เป็น1 ใน 2 เกาะใหญ่ของอิตาลี มีพลเมืองประมาณ 1.66 ล้านคน เป็นเกาะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลีรองจากซิซิลี และเป็นเกาะใหญ่เป็นอันดับ 2 ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเมืองหลวงชื่อกาลยารี (Cagliari) อยู่ใต้สุดของเกาะ ที่คนไทยรู้จักเพราะมีสโมสรฟุตบอลชื่อเดียวกับเมืองหลวง เตะอยู่ในลีกสูงสุดหรือกัลโช ซีรีส์ อา
ซาร์ดิเนียเป็น 1 ใน 18 เขตผลิตไวน์สำคัญของอิตาลี ผลิตได้ปีละประมาณ 60 ล้านลิตรถือว่ามากทีเดียวสำหรับดินแดนที่เป็นเกาะจนถูกเรียกว่า Insuli vini หรือ wine island มี 1 DOCG (Vermentino di Gallura DOCG) อยู่ทางตอนเหนือทั้งหมด และ 19 DOC กระจายอยู่ทั่วไป
องุ่นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันมากคือ แวร์เมนติโน (Vermentino) สำหรับทำไวน์ขาวดราย,ทอร์บาโต (Torbato) องุ่นที่มาจากสเปน ทำไวน์บอดี้เบาๆ แต่หอมดอกไม้ คาริญญาโน (Carignano) หรือการิญอง (Carignan) ของฝรั่งเศส นิยมบ่มโอค โบวัล ซาร์โด (Bovale Sardo) องุ่นแดงที่นิยมใช้ผสมกับพันธุ์อื่น ๆ คานโนนู (Cannonau) คือเกรอะนาช (Grenache) และมุสแคต(Muscat) ผลิตมากทางตะวันตกของเกาะ ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกพันธุ์ดัง ๆ มากขึ้น เช่น ซานโจเวเซ (Sangiovese), กาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon.),โซวีญยอง บลัง (Sauvignon Blanc) และชาร์โดห์เนย์ (Chardonnay)
ส่วนท่านที่นิยมเสาะแสวงหาของกินอร่อย ๆ ถ้ามีโอกาสไปซาร์ดิเนียที่พลาดไม่ได้คือ “หมูย่าง ซาร์ดิเนีย” (Porceddu) อร่อยมาก การทำแบบดั้งเดิมคือจะขุดหลุมย่างหมูใต้ดิน ปัจจุบันส่วนใหญ่ย่างบนเตา บนพื้นดิน หรือเตาอบคล้าย ๆ เตาพิซซา
ประวัติศาสตร์ของไวน์ “อาร์โจลาส” เริ่มในปี 1918 โดยฟรานเชสโก อาร์โจลาส (Francesco Argiolas) เริ่มหักร้างถางพงปลูกองุ่นเป็นครั้งแรก ต่อมา Antonio Argiolas ลูกชายของเขารับหน้าที่ต่อ ทุกวันนี้ลูกหลานเหลนในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ดูแลกิจการของครอบครัว หนึ่งในจำนวนนั้นคือ วาเลนติโน อาร์โจลาส (Valentina Argiolas) ซึ่งเคยเดินทางมาร่วมโต๊ะดินเนอร์กับผมที่เมืองไทยด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้ชิมไวน์ Argiolas ประมาณ 3-4 รุ่นดังนี้
คอสตาลมิโน แวร์เมนติโน ดี ซาเดญญา ดีโอซี 2013 (Costalmino Vermentino di Sardegna,DOC 2013 : ใช้องุ่นแวร์เมนติโน จาก 5 ไร่ มาผสมผสานกันจนลงตัว เป็นองุ่นที่เหมาะกับการดื่มขณะที่เป็นไวน์ใหม่ ๆ (Young Wine) สีเหลืองทองค่อนข้างเข้ม หอมกลิ่นหอมดอกไม้ สับปะรด อัลมอนด์ แอซสิดปานกลาง แต่ดื่มแล้วสดชื่น จบด้วยผลไม้สุกและขมนิด ๆ
แวร์เมนติโน เป็นองุ่นเขียวพันธุ์หลักของเกาะซาร์ดิเนีย แถมยังเป็นองุ่นพันธุ์เดียวที่ได้เกรด DOCG ของซาร์ดิเนียด้วย ขณะเดียวกันก็เป็น 1 ใน 4 องุ่นเขียวของอิตาลีที่ได้ DOCG แต่ต้องเป็น Vermentino di Gallura เท่านั้น
แปร์ดีรา มอนิกา ดี ซาร์เดญญา,ดีโอซี 2013 : (Perdera Monica di Sardena,DOC 2013) : ไวน์แดงที่ทำจากองุ่น 3 พันธุ์คือ โมนิกา (Monica) 90 % ที่เหลือเป็นการิญาโน และโบวัล ซาร์โด สีแดงค่อนข้างเข้ม บอดี้ปานกลาง ฟรุตตี้ หอมกรุ่นด้วยพลัม พรุน และแบล็คเบอร์รี ยางไม้ โอคกรุ่น ๆ แอซสิดกำลังพอดี จบด้วยผลไม้หวาน ๆ
สเปนเป็นผู้นำองุ่นโมนิกาเข้ามาบนเกาะซาร์ดิเนียในช่วงทศวรรษ 1600 A.C. เดิมเรียกว่ามอริญโญ (Morillo) หรือมอโร( Moro) ขณะที่บางพื้นที่เรียกว่า Nieddera Manna (Black Big) และ Nieddera de Ispagna (Black of Spain) บ้าง กระทั่งเป็น Monica ในที่สุด ใช้ทำทั้งไวน์แดงดราย และสปาร์คกลิ้ง ถ้าเป็นประเภทดรายเกรดเยี่ยมหรือรีเสิร์ฟจะบ่มโอค 12 เดือน
คอสเตรา คันโนนู ดี ซาร์ดีญญา,ดีโอซี 2010 (Costera Cannoneau di Sardegna,DOC 2010) : ไวน์แดงระดับคุณภาพรุ่นหนึ่งของอาร์จิโอลาส ทำจากองุ่นคันโนนู 92 % ที่เหลือเป็นคาริญาโน และโบวัล ซาร์โด้ ไวน์ตัวนี้สีแดงสด มีกลิ่นหอมผลไม้เมืองร้อน พรุน กาแฟ ช็อกโกแลต แทนนินปานกลาง เป็นไวน์ที่น่าค้นมาก
คันโนนู (Cannonau) เป็นองุ่นแดงพันธุ์หลักของเกาะซาร์ดิเนีย ถ้าเทียบกับเมืองบอร์กโดซ์ก็คือกาแบร์เนต์ โซวีญยอง แต่จริง ๆ แล้วคันโนนูก็คือเกราะนาซ (Grenache) องุ่นพันธุ์หลักของแคว้นโรน (Rhone) ของฝรั่งเศสนั่นเอง
เทอร์ริกา ไอโซลา เดอิ นูรากี,ไอจีที 2010 (Turriga Isola dei Nuraghi,IGT 2010 ) : รุ่นนี้ทำจากองุ่น 3 พันธุ์คันโนนู,คาริญาโน และโบวัล ซาร์โดตัวนี้ยิ่งน่าสนใจ ใครจะเชื่อว่าชาวเกาะซาร์ดิเนียจะทำไวน์ได้ดีขนาดนี้ สีแดงเข้ม หอมผลไม้สุก ๆ เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี และแบล็คเชอร์รี สไปซี ควันไฟ ไม้ซีดาร์ เฮิร์บ โครงสร้างเยี่ยม ฟูลบอดี้ จบค่อนข้างยาวด้วยผลไม้สุกและสไปซี่เฮิร์บชุ่มคอ
ไวน์จากเกาะซาร์ดิเนียในเมืองไทยหาผู้นำเข้าค่อนข้างยาก ถ้ามีโอกาสลองหามาศึกษากัน.
หมายเหตุ : ไวน์อิตาลีกำเนิดมายาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นการสืบทอดมาจากชาวโรมัน ซึ่งได้รับวัฒนธรรมในการปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์มาจากกรีกอีกทอดหนึ่ง ชาวโรมันปลูกองุ่นครั้งแรกที่เกาะชิชิลี จากนั้นจึงขยับขยายขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่ จากภาคใต้สู่ตอนกลางและภาคเหนือของประเทศอิตาลี
ชาวกรีกยุคโบราณเรียกพื้นที่ 6 เขตในตอนใต้ของอิตาลีในปัจจุบันว่า “Oenotria” แปลว่า “The Land of Wine” หรือ “The Domaine of Wine” เนื่องจากเป็นดินแดนที่เพียบพร้อมทั้งดินฟ้าอากาศ ที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกองุ่นทำไวน์คุณภาพดี ปัจจุบันนอกจากอิตาลีแล้ว ยังมีบางประเทศนำคำนี้ไปใช้ในฉลากไวน์ของตัวเอง
หลังจากหมดยุคอีทรุสกัน (Etruscans) ที่เคยครอบครองดินแดนแห่งนี้แล้ว ชาวโรมันเป็นผู้สืบทอดและพัฒนากระบวนการผลิตไวน์รวมทั้งกระจายผลผลิตไปทั่วจักรวรรดิ โรมันเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในการผลิตไวน์ของอิตาลี ขณะที่พวกฟีนิเซียนส์ (Phoenicians) เป็นเสมือนผู้จัดจำหน่าย จากการนำไวน์ Oenotria ข้ามทะเลไอโอเนียน (Ionian) กระจายไปทั่วยุโรป
ในยุคกลางพระนิกายแคธอลิกมีบทบาทสำคัญในการทำไวน์ของอิตาลี ขณะที่กระบวนการผลิตไวน์ยุคใหม่ถูกนำมาใช้ในศตวรรษที่ 18-19 แต่ก็มีอุปสรรคที่ใหญ่หลวงนั่นคือถูกทำลายโดยฟีล็อกซีลา (Phylloxera) ในปลายศตวรรษที่ 19 พร้อม ๆ กับไร่องุ่นส่วนใหญ่ในยุโรป กระทั่งศตวรรษที่ 20 อิตาลีเริ่มได้ชื่อว่าผลิตไวน์มากที่สุด
อิตาลีแบ่งเขตการผลิตไวน์ได้ทั้งหมด 20 แคว้น หนึ่งในจำนวนนั้นคือ แคว้นซาร์ดิเนีย หรือซาร์เดญญา หรือ ซาร์ดินยา (Sardinia หรือ Sardigna) เป็นเกาะอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอยู่เหนือเกาะซิซิลีขึ้นมา ถ้ามองจากแผ่นดินใหญ่จะตรงกับเมืองนาโปลีพอดี และเป็น 1 ใน 5 แคว้นปกครองตนเองของประเทศ
ซาร์ดิเนียพื้นที่ปลูกองุ่น 43,331 เฮกตาร์ หรือ 101,070 เอเคอร์ ผลผลิตปีละ 1,062,000 เฮกโตลิตร เป็นไวน์แดง 57 % เป็นไวน์ขาว 43 % ทั้งหมดนี้ 15.6 % เป็นไวน์ DOC ประกอบด้วย 1 DOCG คือ Vermentino di Gallura (Bianco as normale and Superiore) และ 19 DOC เช่น di Bosa and di Cagliari – three Moscato – di Sorso-Sennori, di Cagliari and di Sardegna – Vernaccia di Oristano, Cannonau di Sardegna, Nuragus di Cagliari and,Carignano del Sulcis และ Mandrolisai