“เนโกรนี วีค 2019” ครบรอบ 100 ปีของเนโกรนี

เนโกรนี วีค 2019

เนโกรนีที่ Rabbit Hole

เนโกรนี ที่ Vesper

เนโกรนี ที่ The Iron Faires

เนโกรนี ที่ Sorrento

เนโกรนี ที่ Revolucion

เนโกรนี ที่ Kika

เนโกรนี ที่ Cantina

เนโกรนี ที่ Belga

เนโกรนี ที่ Black Amber

เนโกรนี ที่ 008 Bar

เนโกรนี Belga

ที่ Above Eleven

นิตยสาร Imbibe

Count Camillo Negroni

Campari

วันเปิดงานที่แบมบู บาร์ “เนโกรนี วีค” (Negroni Week) ได้รับการยกย่องว่าเป็น “สัปดาห์การดื่มเพื่อการกุศล” ที่ยิ่งใหญ่ของโลก จัดโดย “คัมปารี” (Campari) เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยระดับคลาสสิคจากอิตาลี ร่วมกับนิตยสาร นิตยสาร “อิมไบบ์” (Imbibe) จัดพร้อมกันทั่วโลกเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตามบาร์ ร้านอาหาร และร้านค้าทั่วโลก แล้วนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายเนโกรนีไปบริจาคเพื่อการกุศลตามแต่จะเห็นสมควร นับเป็นจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 7
“เนโกรนี วีค” ถูกจัดครั้งแรกในปี 2013 จากการจับมือประสานใจของนิตยสาร ‎Imbibe และ ‪‎Campari ดังกล่าว เพื่อเป็นการระดมไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุทอร์นาโด ในรัฐโอคลาโฮมา ของสหรัฐ ปีแรกมีบาร์ประมาณ 100 แห่ง เข้าร่วมโครงการ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบาร์ในสหรัฐ และประเทศใกล้เคียง โดยให้แต่ละบาร์ดังกล่าวบริจาคเงินอย่างน้อย 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการขายค็อกเทล เนโกรนี 1 แก้ว แล้วนำเงินนี้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ปี 2014 ไม่ได้มีพายุที่ไหน แต่ทางผู้จัดเห็นว่าควรจัดต่อไป จึงได้ทำเวบไซต์ Negroni ขึ้นมาเพื่อให้บาร์ต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมโปรแกรมได้อย่างเป็นระบบ แต่ครั้งนี้ต่างจากปีแรกคือ เงินที่ได้จากการขายค็อกเทล เนโกรนี ในช่วง Negroni Week แต่ละร้านสามารถเลือกบริจาคให้กับองค์กรใดก็ได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม แต่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซปต์เดิมคือ “บริจาคเงินอย่างน้อย 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อการขาย Negroni 1 แก้ว”
ปี 2013 – 2014 ความร่วมมือของบรรดาบาร์ต่าง ๆ ทั่วโลกเติบโตอย่างมาก จากปี 2013 ประมาณ 100 บาร์ พอปี 2014 เพิ่มเป็นประมาณ 1,200 แห่ง และยอดบริจาคมีมูลค่าถึง 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2014 ประเทศไทย ไม่ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีเหตุจำเป็นบางประการ ปีต่อมาจึงเข้าร่วม ตอนนั้นมีบาร์ประมาณ 10 กว่าบาร์เข้าร่วมกิจกรรม จากจำนวนบาร์ทั้งหมดทั่วโลกประมาณ 3,500 กว่าบาร์ พร้อมยอดเงินบริจาคประมาณ 320,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2016 Negroni Week มีบาร์และร้านอาหารทั่วโลกเข้าร่วมประมาณ 6,000 แห่ง รวมทั้งประเทศไทยที่มีบาร์และร้านอาหารเข้าร่วมการกุศลนี้ประมาณ 40 กว่าแห่ง ส่วนใหญ่จะหักรายได้เป็นการกุศล 30 บาท มีบางแห่งให้ 50 บาท รวมยอดเงินบริจาคจากทั่วโลกประมาณ 900,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2017 มีร้านรวงต่าง ๆ เข้าร่วมมากถึง 7,770 แห่งใน 60 ประเทศทั่วโลก ทำให้ได้ยอดบริจาครวมทั้งหมดถึง 1.5 ล้านเหรียญ มากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา ส่วนในเมืองไทยมีบาร์และร้านอาหารทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้าร่วมรายการนี้ถึง 100 แห่ง เป็นสิ่งยืนยันในความสำเร็จของโครงการนี้

สำหรับในเมืองไทยปี 2019 นี้คัมปารีร่วมกับ เดอะ แบมบู บาร์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล จัดงาน Negroni Week Launch Party 2019 เปิดตัว “เนโกรนี วีค” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา นำรายได้ทั้งหมดจากการจัดงานจำนวน 106,520 บาท มอบให้มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์เพื่อสมทบทุนโครงการหนูอยากได้ยินเสียงแม่ รายได้นี้ยังไม่รวมรายได้ของบาร์และร้านที่ร่วมโครงการนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิโดยตรง ขณะที่รายได้จากทั่วโลกยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันก็เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ “100 ปี เนโกรนี” ค็อกเทล คลาสสิคอิตาเลียน
นอกจากนั้นในปี 2019 นี้มีสิ่งที่เพิ่มมาและได้รับความสนใจอย่างมากคือ “เนโกรนี วีค บาร์ทัวร์” (Negroni Week Bar Tour) ด้วยการให้ผู้ที่สนใจค็อกเทล ซื้อบัตรในราคาที่กำหนดไว้ แล้วเดินทางไปชิมตามบาร์ที่กำหนดไว้ พร้อมเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มของบริษัท รวม 5 วัน 5 เส้นทาง ที่สำคัญค่าบัตรนี้บริจาคเป็นการกุศล ค็อกเทลส่วนใหญ่ใช้ผลิตภัณฑ์ในเครือ(Campari) เป็นส่วนผสม เช่น เนโกรนี (Negroni) จินบูลด็อก (Bulldog Gin) อมาโร (Amaro) ฯลฯ ดังนี้
วันที่ 25 มิ.ย.เป็นเส้นทางซอยทองหล่อ ประกอบด้วย Rabbit Hole ระหว่างทองหล่อ 5 กับ 7 ตามด้วย Black Amber ในซอยทองหล่อ 6 ตามด้วย 008 Bar และและปิดท้ายที่ The Iron Faires เน้นค็อกเทลที่ทำจาก Campari และจิน Bulldog
วันที่ 26 มิ.ย.เป็นเส้นทางสายสุขุมวิท ประกอบด้วย Belga โรงแรม โซฟิเทล สุขุมวิท และ Spectrum Lounge&Bar โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพฯ เน้นค็อกเทลที่ทำจาก Campari
วันที่ 27 มิ.ย.เป็นเส้นทางซอยคอนแวนต์ ถนนสีลม ประกอบด้วย Kika เน้น Campari และ Vesper เน้น Bulldog
วันที่ 28 มิ.ย.เป็นเส้นทางถนนสาทร ประกอบด้วย Sorrento เน้น Campari ตามด้วย Revolucion เน้น Cinzano และ The House on Sathorn โรงแรม W Hotel Bangkok ซึ่งจะเน้น Aperol
วันที่ 29 มิ.ย.เป็นเส้นทางซอยสุขุมวิท 11 ประกอบด้วย Cantina Pizzaria & Italian Kitchen ที่เน้น Cinzano Prosecco ตามด้วย Havana Social ที่เน้นรัม AppletonEstate Signature Blend และ Above Eleven
“เนโกรนี” เป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากการดัดแปลงจากค็อกเทลชื่อ อเมริกาโน (Americano) ที่มีส่วนผสมง่ายๆ เพียง 3 ส่วนแต่ดื่มอร่อยคือ กัมปารี เวอร์มุธ และโซดา (Campari,Vermouth และ Soda) และถูกเสิร์ฟครั้งแรกในกาฟเฟ กัมปารี (Caffè Campari) บาร์ของนายกัสปาเร กัมปารี (Gaspare Campari) ในปี 1860
ส่วน “เนโกรนี” กำเนิดครั้งแรกในช่วงปี 1919 โดยท่านเคาท์ กามิลโล เนโกรนี (Count Camillo Negroni) ผู้ชื่นชอบค็อกเทล วันหนึ่งท่านเคาท์ไปร้านกาฟเฟ กาโซนี (Caffè Casoni) ในเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ปกติท่านจะชอบค็อกเทล อเมริกาโน (Americano) แต่วันนั้นเกิดเบื่อขึ้นมา จึงบอกบาร์เทนเดอร์ให้ช่วยทำค็อกเทลใหม่ ๆ ให้สักแก้ว แต่ต้องมีแคแลกเตอร์ของ Americano อยู่ด้วย บาร์เทนเดอร์จึงปรับแต่งด้วยการใส่จิน (Gin) และส้มลงไป 1 ชิ้นลงไป ปรากฏว่าท่านเคานท์ถูกใจมาก
ด้วยส่วนผสมที่ไม่มากและเรียบง่ายมีเพียง จิน (Gin) เวอร์มุธ (Vermouth) และกัมปารี (Campari) เสิร์ฟด้วยแก้วโอลด์ แฟชั่น เติมแต่งด้วยเปลือกส้มฝานบาง ๆ ประกอบกับการทำที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ทำให้เนโกรนีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง แม้จะเนิ่นนานเพียงใดสูตรเนโกรนีก็ไม่ได้ถูกดัดแปลงเลยเป็นเวลาเกือบ 100 ปีสร้างสรรค์มา ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นเสน่ห์อย่างแรง กระทั่งเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตในบาร์ฮิป ๆ และค็อกเทลบาร์เก๋ ๆ มากมายที่ เริ่มนำค็อกเทลคลาสสิคมานำเสนอโดยไม่มีการดัดแปลงปรุงแต่งใดๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเนโกรนีทำได้ง่ายและรวดเร็ว เป็นเครื่องดื่มที่คนอิตาเลียนนิยมชมชอบ ดื่มได้ทุกโอกาส ทั้งเรียกน้ำย่อย ก่อนอาหาร,หลังอาหาร และเพื่อเพิ่มความสดชื่น
อนึ่ง “คัมปารี” เป็นเหล้าประเภทเรียกน้ำย่อยหรือก่อนอาหาร (Apéritif) ตระกูลบิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของความหอมหวาน ความขม และสไปซี จนได้รสชาติที่กลมกล่อม จุดกำเนิดคือการนำเหล้ากลั่นไปผสมกับเครื่องเทศและสมุนไพรเป็นร้อย ๆ ชนิด ตามสูตรของแต่ละเจ้า ในปัจจุบัน Bitter มีอยู่เป็นร้อยยี่ห้อและเป็นพัน ๆ สูตร โดยอิตาลีเป็นหัวแถวของชาติที่ผลิต Bitter
คัมปารีถือกำเนิดที่แคว้นเพียดมอนต์ (Piedmont) แหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี โดย กัสปาเร คัมปารี (Gaspare Campari :1828–1882) เจ้าของภัตตาคารและคาเฟระดับสุดยอดของเมืองตูริน (Turin) เมืองหลวงของแคว้นเพียดมอนต์ ต่อมามีการจัดสรรที่ทางใหม่ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวจัดอยู่ในแคว้นลอมบาร์ดี ที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง คัมปารีจึงได้ชื่อว่าเป็นสปิริตแห่งมิลาน หลังเปิดตัวในปี 1904 ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ส่งออกต่างประเทศครั้งแรกไปยังเมืองนีซ (Nice) เมืองตากอากาศยอดนิยมของเฟรนช์ ริเวียรา (French Riviera) สถานที่ตากอากาศชื่อดังของฝรั่งเศส
ขณะที่คนอิตาเลียนบอกว่าคัมปารี เป็นสุดยอดเหล้าที่มีอบอวลไปด้วยรสชาติที่หอมหวนชวนลิ้มลอง ขณะที่น้ำเนื้อก็อร่อยอย่างอัศจรรย์ ที่สำคัญสามารถดื่มได้ทุกโอกาส ดื่มได้ในหลายรูปแบบ และเชื่อกันว่าสมุนไพรนับร้อยชนิดที่อยู่ในในเหล้าสีแดงสดใสนี้ จะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพดี และมีอายุยืนยาว ส่งผลให้ยอดขายของคัมปารี อยู่เหนือกว่าบิตเตอร์ทุกยี่ห้อ
ปัจจุบันคัมปารีบริหารโดย Campari Group จัดเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลกโดยมีแบรนด์กว่า 50 แบรนด์ ระดับพรีเมี่ยมและซูเปอร์พรีเมียม กระจายอยู่ทั่วลำดับความสำคัญระดับโลกระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น Global Priorities ซึ่งเป็นจุดสนใจที่สำคัญของ Group ได้แก่ Aperol,Appleton Estate,Campari, SKYY, Wild Turkey และ Grand Marnier บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี พ. ศ.2403 ปัจจุบันใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมี่ยมมีการกระจายทั่วโลก การซื้อขายในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก หลัก ๆ คือในยุโรปและอเมริกา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมิลาน มีโรงงาน 18 แห่งทั่วโลก ในเมืองไทยบริษัท Alchemy Wines & Spirits (Thailand) Company Limited เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือคัมปารีกรุ๊ป
ส่วน “อิมไบบ์” (Imbibe) เป็นสุดยอดคู่มือสู่วัฒนธรรมการดื่ม ได้รับรางวัลเจมส์ เบียร์ด (James Beard Award Winning) ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ทางด้านอาหารของสหรัฐ ในทุกฉบับของนิตยสารอิมไบบ์และอิมไบบ์ แม็กกาซีน ด็อทคอม (imbibemagazine.com) จะมีสถานที่เที่ยว กิน ดื่ม ชั้นนำระดับโลก สูตรเครื่องดื่ม และเรื่องราวเจาะลึกทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับผู้คน สถานที่ และรสชาติของเครื่องดื่มยอดฮิตต่าง ๆ
“เนโกรนี วีค” (Negroni Week) จะเป็น “สัปดาห์การดื่มเพื่อการกุศล” ที่ยิ่งใหญ่ของโลกนั้นไม่ได้อยู่ที่ใครผู้ใด แต่อยู่จิตอันเป็นกุศลของทุกท่าน !!

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...