“เบรินเจอร์” (Beringer Vineyards) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ที่เก่าแก่และใหญ่โตรายหนึ่งของแคลิฟอร์เนีย ตั้งอยู่ในเซ็นต์ เฮเลนา (St.Helena) ก่อตั้งโดย 2 พี่น้องจาค็อบ-เฟรเดอริค เบรินเจอร์ (Jacob – Frederick Beringer) เดินทางมาถึงแคลิฟอร์เนียในปี 1869 ซื้อพื้นที่ขนาด 215 เอเคอร์ ในราคา 14,500 ดอลลาร์สหรัฐ และผลิตไวน์ครั้งแรกเมื่อปี 1876 ปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็น “The oldest continuously operating winery in the Napa Valley” และยังเป็น National Register of Historical Places และ California Historical Landmark ด้วย และ Rhine House ที่ทำการของเบรินเจอร์ ถือเป็นอาคารประวัติศาสตร์
ปี 1934 ได้ชื่อว่าเป็นไร่องุ่นแห่งแรกในแคลิฟอร์เนีย เป็นเปิดให้สาธารณชนเข่าไปเยี่ยมชมและชิมไวน์ได้หลังจากที่ข้อห้ามด้านแอลกอฮอล์ (Prohibition) ของรัฐบาลถูกยกเลิก และได้ต้อนรับบุคคลสำคัญ ๆ เศรษฐี ดารา นักแสดงหลายคน
ปี 1971 เบรินเจอร์ก็ถูกขายให้กับกลุ่มบริษัท Nestlé จากนั้นปี 1996 ก็ถูกขายให้กับกลุ่มบริษัท Texas Pacific Group ก่อนที่ Foster’s Group จะเข้ามาครอบครองระหว่างปี 2000-2011 หลังจากนั้น Treasury Wine Estates ก็เข้ามาครอบครองจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบริษัทนี้มีผู้ผลิตไวน์อยู่ในเครือหลายแห่ง เช่น เพนโฟลด์ (Penfolds) และวูล์ฟ บลาสส์ (Wolf Blass) แห่งออสเตรเลีย เป็นต้น
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา “มาร์ก เบริงเจอร์” (Mark Beringer) ซึ่งเป็น ลูกของเหลนของผู้ก่อตั้ง Beringer ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าไวน์เมกเกอร์รุ่นที่ 8 ของ Beringer เดินทางมาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรกพร้อมกับแนะนำไวน์ 4-5 รุ่น ที่โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ
มาร์ก เบรินเจอร์ เติบโตในเขตนาปา วัลเลย์และคลุกคลีในแวดวงไวน์มาตั้งแต่เกิด ในฐานะทายาทของไวน์เมกเกอร์รุ่นแรกและสมาชิกของครอบครัวที่มีประวัติด้านไวน์โดดเด่นมากที่สุดแห่งนาปา แวลลีย์ เขาจึงต้องใช้เวลาในวัยเด็กส่วนใหญ่ในโรงผลิตไวน์ของครอบครัว เขาจบการศึกษาด้านการปลูกองุ่นทำไวน์ที่มหาวิทยาลัยยูซี เดวิส ในปี 1990 ก่อนจะไปแสวงหาประสบการณ์กับผู้ผลิตไวน์หลายแห่ง เช่น เบนซิงเกอร์ (Benzinger) ในโซโนมา ตามด้วยดั๊กฮอร์น (Duckhorn) ในปี 1992 ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายการผลิตไวน์ สามารถคว้ารางวัล Wine of the Year ลำดับ 6 ของนิตยสาร Wine Spectator จากดั๊กฮอร์น นาปา แวลลีย์ กาแบร์เนต์ โซวีญยง1999 (Duckhorn Napa Valley Cabernet Sauvignon 1999) ปี 2009 ย้ายมาเป็นรองประธานบริหารและไวน์เมกเกอร์ ที่อาร์ติซา (Artesa)กระทั่งปี 2015 จึงกลับบ้านมารับตำแหน่งหัวหน้าไวน์เมกเกอร์ ของเบอรินเจอร์ รุ่นที่ 8
สำหรับไวน์เบรินเจอร์ที่มาร์ก เบรินเจอร์ นำมาให้ชิมและมีขายในตลาดเมืองไทยมีดังนี้
เบรินเจอร์ ฟาวเดอร์ เอสเตท ชาร์โดเนย์ แคลิฟอร์เนีย 2014 (Beringer Founder’Estate Chardonnay California 2014) : Founder’Estate เป็นรุ่นที่เน้นแคแลกเตอร์ของพันธุ์องุ่น ผลิตเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้ง Beringer Vineyard ทำจากชาร์โดห์เนย์ จากเซนทรัล แคลิฟอร์เนีย และนอร์ธ โคสต์ที่ผสานกันอย่างลงตัว ตอนแรกคิดว่าจะโอคจ๋าตามสไตล์แคลิฟอร์เนีย แต่ผิดคาด โอคกรุ่น ๆ กำลังดี จากการบ่ม 3 โอคคือฝรั่งเศส ฮังการี และอเมริกันโอค ที่หอมกรุ่นๆ ไม่จัดจ้านกลิ่นและรสกระเดียดไปทางเบอร์กันดี ฟรุตตี้ดีมากทั้ง กรีนแอปเปิ้ล แพร์ เมลอน และสับปะรด ตามด้วยซีทรัส เลมอน ตะไคร้ มินเนอรัลเล็กน้อย แอซสิดกำลังดี จบค่อนข้างยาวด้วยผลไม้และเฮิร์บสดๆ
เบรินเจอร์ ฟาวเดอร์ เอสเตท แมร์โลต์ แคลิฟอร์เนีย 2014 (Beringer Founder’Estate Merlot California 2014) : นำแมร์โลต์ 4 พื้นที่คือ เซนทรัล โคสต์,นอร์ธ โคสต์,โลได และแคลิฟอร์เนีย เดลตา มาผสมผสานกัน เติมเปตีต์ ซีราห์ (Petite Sirah) และเปตีต์ แวร์กโดต์ (Petite Verdot) ลงไปนิดหน่อย บ่ม 5 เดือนในโอคฝรั่งเศสและอเมริกันโอค
สีแดงเข้ม สดใส ดมครั้งแรกได้กลิ่นเปปเปอร์เตะจมูก ตามด้วยกลิ่นหอมของผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รี พลัม แบล็คเชอร์รี และแบล็คเคอร์แรนท์ สไปซีเปปเปอร์ ชอกโกแลต แทนนินปานกลางและหวานลิ้น แอซสิดปานกลาง จบค่อนข้างยาวด้วยผลไม้และสไปซี สามารถดื่มได้ในตอนนี้ แต่ถ้าจะให้อร่อยน่าจะอีกสัก 3-4 ปี….
ฟาวเดอร์ เอสเตท (Founder’Estate) เป็นรุ่นที่เน้นแคแลกเตอร์ของพันธุ์องุ่น ผลิตเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้ง Beringer Vineyard คือ 2 พี่น้อง Jacob – Frederick Beringer ที่ร่วมกันหักร้างถางพงปลูกองุ่นเมื่อปี 1876 กระทั่งปัจจุบันผลิตไวน์มากว่า 140 วินเทจ
เบรินเจอร์ วินยาร์ด กาแบร์เนต์ โซวีญยง ไนท์ แวลลีย์ 2013 (Beringer Vineyard Cabernet Sauvignon Knights Valley 2013) : เป็นรุ่นที่ตระกูล Beringer ซื้อมาในช่วงทศวรรษที่ 1960 เพราะเห็นว่ามีดินฟ้าอากาศที่เหมาะสำหรับปลูกองุ่นคุณภาพดี หลังจากนั้นจึงทำไวน์ภายใต้ชื่อ Beringer Vineyard Knights Valley ในปี 1974 ปัจจุบัน Knights Valley เป็นหนึ่งในเขตควบคุมการผลิตไวน์ของสหรัฐ (AVA) ผลิตจากกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 97% กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 6% แมร์โลต์ (Merlot) 3% และเปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 2% บ่ม 14 เดือนในถังโอคฝรั่งเศ เป็นโอคใหม่ 23%
เป็นไวน์สไตล์บอร์กโดซ์ เบลนด์ (Bordeaux Blend) ที่ดื่มง่าย ๆ แต่ได้อรรถรสค่อนข้างครบถ้วน สีแดงเข้มปึ๊ก ดมครั้งแรกได้กลิ่นกรีน เปปเปอร์ ค่อนข้างแรง ซึ่งเป็นเสน่ห์ของกาแบร์เนต์ โซวีญยงคุณภาพดี ผลไม้เปลือกดำสุก ๆ เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม และบลูเบอร์รี เมล็ดกาแฟคั่ว ชอกโกแลต เฮิร์บแห้ง ๆ เช่น จันทร์เทศ และอบเชย มินต์ มอคคา แทนนินนุ่มค่อนข้างเนียน แอซสิดปานกลาง เพิ่งเริ่มจะเปิดตัวและสามารถดื่มได้ แต่ถ้ารอสัก 3-4 ปีจะอร่อยกว่านี้ …18/20 คะแนน
เบรินเจอร์ ไพรเวท รีเสิร์ฟ กาแบร์เนต์ โซวีญยง นาปา แวลลีย์ 2014 (Beringer Private Reserve Cabernet Sauvignon Napa Valley 2014) : หนึ่งใน Cabernet Sauvignon ของ Napa Valley ที่ยอดเยี่ยม ผลิตในสไตล์บอร์กโดซ์ เบลนด์ (Bordeaux Blend) ประกอบด้วย กาแบร์เนต์ โซวีญยง 97% เปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 2% และมาลเบ็ค (Malbec) 1% องุ่นมาจาก 4-5 ไร่ บ่ม 20 เดือนในโอคฝรั่งเศส (ใหม่ 82%) และสงบนิ่งในขวดอีก 12 เดือน เป็นรุ่นที่เคยได้อันดับ 1 ในฐานะ Wine of the Year ของนิตยสาร Wine Spectator
สีแดงเข้มจนเกือบดำ หอมกลิ่นผลไม้ เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม แบล็คเบอร์รี และแครนเบอร์รี สไปซี แบล็คเปปเปอร์ ชะเอมเทศ ควันไฟ กล่องซิกา ซีดาร์ ยาสูบ กาแฟคั่ว แบล็คชอกโกแลต มินต์ บอดี้หนักแน่น แทนนินค่อนข้างหนักแน่น แอซสิดยังค่อนข้างสูง จบยาวด้วยผลไม้และเฮิร์บ ยังไม่เปิดตัวเต็มที่นัก น่าจะเริ่มดื่มได้ประมาณอีก 4-5 ปีข้างหน้า…..18.5/20 คะแนน
“ในฐานะไวน์เมกเกอร์ คงไม่มีสิ่งใดที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการได้ทำงานในโรงผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และเบรินจอร์คือโรงผลิตไวน์ที่ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยความหลากหลายของสภาพภูมิอากาศ วัตถุดิบท้องถิ่น และสถานที่ตั้ง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานกับสิ่งเหล่านี้” มาร์ก เบรินเจอร์ กล่าว