เกิดไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ ใกล้ ๆ กับแอตลาส พีค (Atlas Peak) ซึ่งเป็นเนินเขาทางตะวันออกของเขตนาปา แวลลีย์ (Napa Valley) และเมืองซานตา โรซา (Santa Rosa) ทางเหนือของโซโนมา (Sonoma) 2 เขตผลิตไวน์ชื่อดังของรัฐแคลิฟอร์เนีย แบบข้ามคืนเมื่อวันที่ 8-9 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำลายพื้นที่ไปกว่า 73,000 เอเคอร์ อาคารบ้านเรือนใน 8 เคาน์ตี้กว่า 1,500 หลังถูกทำลาย มีผู้เสียชีวิตประมาณ 10 คนและสูญหายกว่า 100 คน
ในนาปา แวลลีย์ มีพื้นที่กว่า 25,000 เอเคอร์ถูกทำลาย ปรากฏว่ามีไร่องุ่นหลายแห่งถูกไฟไหม้เสียหาย หนักที่สุดคือซิกนอเรลโล (Signorello Estate Winery) และอาคารบางส่วนของสแต๊ก ลีพ (Stags’ Leap Winery) พร้อมไร่องุ่นข้างเคียง เช่น Chimney Rock,William Hill และ Darioush ขณะที่แขกที่พักอยู่ใน Silverado Resort กว่า 100 คนหนีกระเจิง หลายคนบอกว่าไฟลุกลามข้ามถนนสาย 101 อย่างรวดเร็ว ขณะที่โรงแรม The Hilton Sonoma Wine Country ก็เสียหายเกือบหมด
นอกนั้นมีไร่องุ่นใน Calistoga, Glen Ellen และ Carneros ได้รับความเสียหาย เช่น Glen Ellen,Kenwood,Chateau St. Jean,Nicholson Ranch winery,Frey Vineyards ฯลฯ อย่างไรก็ตามองุ่นประมาณ 90 % ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 10 วันจะเก็บเกี่ยว
รายงานเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา มีพื้นที่ถูกทำลายไปกว่า 170,000 ไร่ จากยอดรวมผู้เสียชีวิตประมาณ 10 คน พบว่าในโซโนมามีคนตาย 8 คน ในนาปา แวลลีย์ 2 คน และ 1 คนในเมนโดซีโน นอกนั้นเป็นพื้นที่อื่น ๆ ส่วนผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน บ้านเรือนเสียหายกว่า 1,500 หลัง โดย Atlas Peak และพื้นที่รอบ ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนาปา แวลลีย์ เป็นพื้นที่เสียหายมากที่สุด
นอกจาก The Signorello Estate ริมถนน Silverado Trail ซึ่งเป็นถนนที่คู่ขนานกับไฮเวย์สาย 101 ถูกทำลายเป็นเถ้าถ่าน รวมทั้งอาคารของ Stag’s Leap winery ถูกเผาแล้ว ยังมีการพบว่าไร่องุ่นที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง White Rock Vineyards ก่อตั้งในปี 1870 ถูกไฟไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน นอกจากนั้นไร่องุ่นที่ก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 19 ก็ถูกทำลายไปหลายแห่ง
วันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมามีรายงานเพิ่มเติมว่า โดยไฟเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วถึง 2.9 แสนไร่ มีอาคารบ้านเรือนถูกไฟเผาทำลายและได้รับความเสียหาย 3,500 หลังยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดคือ 21 คน รวมทั้งคู่สามีภรรยาสูงวัยที่เพิ่งฉลองแต่งงานครบรอบ 75 ปีเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นข่าวที่สร้างความสลดใจ นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายไปอีก 380 คน แต่ยังเป็นตัวเลขที่ไม่แน่ชัด เนื่องจากความสับสนระหว่างการอพยพประชาชนประมาณ 20,000 คนออกจากพื้นที่ โดยเขตโซโนมา เคาน์ตี เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่ามีไฟลุกไหม้ทั้งหมด 22 จุด เพิ่มจาก 17 จุดเมื่อที่ 10 ต.ค. ที่สำคัญสถานการณ์มีแนวโน้มว่าอาจเลวร้ายลงอีก หลังเจ้าหน้าที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่า อาจมีกระแสลมแรงเกิดขึ้นอีกในพื้นที่วิกฤตไฟป่า เช่นเดียวกับสภาพอากาศแห้ง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของหน่วยดับเพลิงที่กำลังหาทางควบคุมไฟ
ขณะที่ในเขตนาปา เคาน์ตี้ เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนเกือบ 3,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 5,000 คน ออกจากเมืองคาลิสโตกา (Calistoga) เขตผลิตไวน์อีกแห่งหนึ่ง หลังไฟลุกลามเข้าใกล้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตามมาก็คือ ควันไฟที่ปกคลุมต้นองุ่น ทำให้องุ่นช็อกและต้องใช้เวลาเป็นปีในการฟื้นฟู
