“ไมสโทร 2013” 50 ปีไร่โรเบิร์ต มอนดาวี

ใบหน้า Robert Mondavi ที่ทางเข้าไวนะรี US West 1999 มุมหนึ่งใน To Kalon ไม่เคยร้างซึ่งคนรักไวน์ ลีมูซีนที่มาเยี่ยมชม ส่วนหนึ่งของถังบ่มไวน์ ห้องชิมไวน์ “Maestro” 2013 Maestro ของทุกคนในไร่นี้ Robert Mondavi Winery VS-Mondavi-rmw-Bob1.jpg ต้นองุ่นที่ปลูกในยุคแรก ๆ ทางเข้าสู่ To Kalonโรเบิร์ต มอนดาวี “ไมสโทร” 2013 (Robert Mondavi “Maestro” 2013) : เป็นรุ่นที่ผลิตเพื่อเฉลิมฉลองไร่โรเบิร์ต มอนดาวี (Robert Mondavi Winery) ครบรอบ 50 ปี หลังจากที่ “เจ้าพ่อไวน์นาปา แวลลีย์” ตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกองุ่นที่โต กาลอน (To Kalon Vineyard) ซึ่งเป็นภาษากรีซแปลว่า “ความงดงาม” และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดินทองของการปลูกองุ่นสายพันธุ์คลาสสิคจากฝรั่งเศส

จุดกำเนิดของคำว่า “Maestro” เกิดขึ้นในงานเปิดตัว To Kalon Cellar ในปี 2000 โรเบิร์ต มอนดาวี ได้รับการมอบหมายเป็นพิเศษในเรื่องดนตรี ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร ในงานกาลา ดินเนอร์ เมื่อออร์เคสตร้าเริ่มบรรเลง โรเบิร์ต มอนดาวี ถือไม้ Baton ก้าวขึ้นไปบนเวที และทำหน้าที่ควบคุมวง สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน ขณะเดียวกันทีมงานก็คิดว่าโรเบิร์ต มอนดาวี เปรียบเสมือนผู้ควบคุมดูแลชีวิตของพวกเขา เป็นทั้งผู้นำไวนะรีและแรงบันดาลใจของพวกเขาทั้งหมด

Robert Mondavi “Maestro” 2013 ผลิตในสไตล์บอร์กโดซ์ เบลนด์คือแมร์โลต์ (Merlot) 59 % กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 25 % กาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 7 % เปติต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 6 % และมาลเบค(Malbec) 3 % เป็นองุ่นจากนาปา แวลลีย์ 100 % บ่มโอคฝรั่งเศสใหม่ 75 % หลังจากผ่านกระบวนการต่างๆ แล้วบ่มในถังบาร์เรล 21 เดือน ผลิตเพียง 18,000 ลัง ในเมืองไทยมีขายเฉพาะดิวตี้ ฟรี เท่านั้น

      มีคำถามว่า “ครบรอบ 50 ปี” นับจากตรงไหน ? เพราะที่ผ่านมา ไวน์ระดับพรีเมียมของแคลิฟอร์เนียหลาย ๆ ตัว จะมีชื่อของโรเบิร์ต มอนดาวี เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

          เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปถึงเส้นทางความเป็นมาของเจ้าของไร่คือ “โรเบิร์ต มอนดาวี” (Robert Mondavi) ที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า  Robert Gerald Mondavi เกิดในปี 1913 เสียชีวิตวันที่ 16 พฤษภาคม 2008 (พ.ศ.2551)

ปี 1908 เซซาร์เร (Cesarre) พร้อมภรรยาโรซา (Rosa) อพยพจากแคว้นมาร์เค (Marche) ทางฝั่งตะวันออกของอิตาลี มายังแผ่นดินอเมริกา ในฐานะคนงานที่ถูกเกณฑ์มาทำงานเหมืองแร่ ในรัฐมินนิโซตา และให้กำเนิดทายาท 4 คน มาเรีย,เฮเลน,โรเบิร์ต และปีเตอร์  ก่อนจะย้ายมาตั้งรกรากที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเพาะปลูกองุ่น เพื่อรับซื้อองุ่นจากเกษตรกรส่งไปขายในรัฐต่าง ๆ

โรเบิร์ตที่แม้เติบโตขึ้นมาอย่างเด็กท้องไร่ท้องนาทั่วๆไป แต่สิ่งเดียวที่เขาแตกต่างไปจากเด็กอื่นๆก็คือ..ความมุ่งมั่นใฝ่ดี และความอยากจะเป็น”หนึ่ง” ในทุกๆด้านๆ โรเบิร์ตเข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย Stanford (ปีเตอร์ตามเข้าไปเรียนด้วยในปีต่อมา) โดยวางแผนว่าจะเป็นนักธุรกิจ หรือนักกฎหมาย

วันหนึ่งพ่อได้ปรึกษาขอความเห็นจากลูกๆว่า ”ชาวไร่องุ่นที่เคยติดต่อกัน ตอนนี้หันไปทำไวน์ขายดิบขายดีกันเป็นแถว เราน่าจะลองดูบ้าง..” ความคิดนี้ตรงกับโรเบิร์ตพอดี เขาจึงไปเรียนวิชาเคมีสำหรับการผลิตไวน์ขึ้นมาด้วยอีกวิชาหนึ่ง..ตามด้วยวิชาภาคพื้นธรณีวิทยาของการเพาะปลูกองุ่น ต่อมาแต่งงานกับ Marjorie Declusin ในปี 1937 แล้วย้ายมาอยู่ในเมือง St. Helena พร้อมความใฝ่ฝันที่จะผลิตไวน์คุณภาพดี บ่มในถังโอค เพราะขณะนั้นส่วนใหญ่ทำไวน์แบบหมักและขายสดๆ ในรูปแบบของไวน์ถังใหญ่ และใส่แทงค์ส่งขึ้นรถไฟไปขายต่างรัฐ บ้างก็มีนายหน้ารับไปบรรจุขวดขายเอง ทำรายได้ดี จึงไม่มีใครทำอย่างอื่น

ปี 1943 ครอบครัวมอนดาวีได้ซื้อไร่ Charles Krug และพ่อยื่นข้อแม้ว่า…..”ต้องเป็นธุรกิจแบบครอบครัวที่พี่น้องทุกคนมีส่วนแบ่งเท่ากัน และต้องมาช่วยกันทำงาน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง….”

โรเบิร์ตมีความคิดที่ฝังหัวอยู่ตลอดเวลาว่า….อยากทำไวน์นาปาดีๆ สู้กับยุโรป เช่น ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เยอรมัน ฯลฯ แต่เมื่อปรึกษากับน้องชายและแม่ ทุกคนไม่เห็นด้วย แต่โรเบิร์ตไม่สนใจเขาเดินทางไปดูการผลิตไวน์ในยุโรปหลายประเทศ และเปิดตัวกับชาวโลก ซึ่งต้องใช้เงินกงสี…

ปี 1959 พ่อของพวกเขาเสียชีวิต และกลายเป็นจุดระเบิด เดือนพฤศจิกายน 1965 วันขอบคุณพระเจ้าครอบครัวมารวมตัวกัน โรเบิร์ต-ปีเตอร์ สองพี่น้องมีการชกต่อยกัน ก่อนจะมีการขึ้นโรงขึ้นศาลหลายปี กระทั่งมีการเรียกนามสกุลให้ต่างกัน ของโรเบิร์ต อ่านว่ามอนดาวี ส่วนของปีเตอร์อ่านว่า มอนเดวี

โรเบิร์ตหลุดออกมาจากวงจรธุรกิจของครอบครัว จึงใช้เวลาว่างหาไร่องุ่นเพื่อสานฝันให้เป็นจริง ทั้งที่เงินยังไม่มี แต่ด้วยการสนับสนุนของเพื่อนเศรษฐี 2-3 คน เขาจึงได้เป็นเจ้าของไร่องุ่น “To Kalon” ในโอควิลล์ (Oakville) นาปา แวลลีย์ และโรเบิร์ตเลือกวันที่ 16 กรกฎาคม 1966 วันคล้ายวันเกิดของมาชา (Macia) ลูกสาว   เป็นวันก่อตั้ง “Robert Mondavi Winery” ซึ่งเป็นที่มาของ “50 ปี โรเบิร์ต มอนดาวี ไวนะรี” ด้วยประการฉะนี้

โรเบิร์ตยังไม่หยุดเท่านั้นปี 1979 เขาก่อตั้งไร่ “Mondavi Woodbridge Winery” ใน Lodi เพื่อผลิตไวน์แคลิฟอร์เนียระดับพรีเมียม ปีเดียวกันก็จับมือกับ Baron Philippe de Rothschild เจ้าของไวน์ Château Mouton Rothschild ในฝรั่งเศสก่อตั้ง “Opus One Winery” จนกลายเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของไวน์แคลิฟอร์เนีย

Robert Mondavi Winery ผลิตไวน์ออกมาหลายรุ่น แต่ละรุ่นได้รับการยอมรับจากคอไวน์ทั่วโลก โดยเฉพาะรุ่น โรเบิร์ต มอนดาวี กาแบร์เนต์ โซวีญยอง รีเสิร์ฟ (Robert Mondavi Cabernet Sauvignon Reserve) เป็นรุ่นที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างชื่อเสียงให้กับไวน์แคลิฟอร์เนีย และได้รางวัลจากการชิมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติมากที่สุด ขณะที่กิจการการผลิตไวน์กลายเป็นที่หมายปองของนักธุรกิจทั่วโลกที่จะเข้ามาครอบครอง

This is Really just the Beginning” ..โรเบิร์ต มอนดาวี กล่าวในวันเปิดตัวไร่ To Kalon…เมื่อ 50 ปีที่แล้ว !!

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...