หลังจาก “จอห์นนี วอล์กเกอร์” (Johnnie Walker) แนะนำ “จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล เยียร์ ออฟ เดอะ ด็อก” (Johnnie Walker Blue Label Year of The Dog) ลิมิเต็ด เอดิชั่น สำหรับ “ปีจอ” ที่ออกแบบโดยเพจ โจว (Page Tsou) ศิลปินชื่อดังของไต้หวัน เป็นภาพสุนัข 4 ตัว เป็นสุนัข 3 สายพันธุ์
มาปีนี้ผู้คนในแวดวงและนักสะสมต่างพากันลุ้นว่าฉลาก “จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” (Johnnie Walker Blue Label) ปีนี้จะเป็นอะไร ? สุดท้ายแทบไม่มีใครคาดคิดหรือคิดไม่ถึงและกลายเป็นเรื่องฮือฮาเมื่อบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล บางกอก อิดิชั่น” (Johnnie Walker Blue Label Bangkok Edition) ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพฯ เมื่อปลาย ๆ เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมงาน “Bangkok Bluemosphere” เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์เคียงคู่ประเทศไทยร่วมศตวรรษ และชวนย้อนรอยประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน
โดยความสัมพันธ์อันยาวนานร่วมศตวรรษระหว่าง จอห์นนี วอล์กเกอร์ กับประเทศไทย ที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2467 พร้อมทั้งเป็นการยกย่องมรดกทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย จอห์นนี วอล์กเกอร์ จึงได้จัดนิทรรศการ “Bangkok Bluemosphere” เฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันล้ำค่านี้อย่างยิ่งใหญ่ ย้อนรอยความสัมพันธ์จากอดีตถึงปัจจุบันผ่านมุมมองต่างๆ ด้วยอุโมงค์ย้อนเวลากลับไปสู่บรรยากาศเมืองบางกอกในปี พ.ศ. 2467 ผ่านเทคโนโลยีจำลองโลกเสมือนจริงของกรุงเทพฯ ในสมัยนั้น บอกเล่าเรื่องราวความผูกพันของแบรนด์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างช้านาน
“จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล บางกอก อิดิชั่น” (Johnnie Walker Blue Label Bangkok Edition) ออกแบบพิเศษด้วยการผสมผสานจิตวิญญาณศิลปิน อันประณีตเข้ากับรสชาติของ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” สก็อตช์วิสกี้ที่เบลนด์จากวิสกี้หายาก ซึ่งมีจำนวนเพียง 1 ใน 10,000 ถังเท่านั้น ที่จะสามารถให้คาแรคเตอร์และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ออกมาเป็นของขวัญล้ำค่าควรคู่แก่การสะสมอย่างยิ่ง
นอกเหนือจากรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว การบอกเล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรมของมหานครกรุงเทพฯ ยังสร้างมูลค่ามหาศาลแห่งการเฉลิมฉลอง โดยนำภาพกราฟิกอาร์ตมาตกแต่งรอบขวด จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล เป็นภาพช้างซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศ กำลังเยื้องย่างอย่างภาคภูมิใจท่ามกลางสถาปัตยกรรมของอาคารสถานที่และสิ่งของต่างๆ ซึ่งบ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวาของมหานครกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี ประกอบไปด้วย บ้านไทยโบราณ ว่าวไทย ฯลฯ ที่ผสานเข้ากันอย่างลงตัวกับความสมัยใหม่อย่างตึกสูงระฟ้า
ที่สำคัญฉลากด้านหน้าของขวดมีตัวอักษรและเลขไทยบนฉลากด้านล่างเขียนว่า “พ.ศ. ๒๔๖๗” สื่อถึงการบุกเบิกของ จอห์นนี วอล์กเกอร์ ในประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 และยังคงผูกพันกับคนไทยมาจวบจนถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกันยังมีการเสิร์ฟบลู เลเบิ้ล ให้กับผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มรส พร้อมทั้งค็อกเทลจากบาร์เทนเดอร์ฝีมือเยี่ยม นำโดย “เจน แก้วยอด” (Jane Kaew-Yod) ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน “ดิอาจีโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ บาร์เทนเดอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ 2018” (Diageo World Class Thailand Best Bartender of the Year 2018) นำค็อกเทลที่เขาชนะเลิศจากรายการดังกล่าวมาให้ดื่มด่ำกันด้วย ซึ่งเป็นค็อกเทลที่มีส่วนผมหลักคือ บลู เลเบิ้ล
จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ถูกปรุงขึ้นเป็นพิเศษเพื่อรำลึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ โอลด์ ไฮแลนด์ วิสกี้ (Old Highland Whisky) ได้จารึกไว้ตั้งแต่ปี 1867 โอลด์ ไฮแลนด์ เป็นสุดยอดสก็อตช์วิสกี้ผลงานอันยิ่งใหญ่ของ อเล็กซานเดอร์ วอล์กเกอร์ (Alexander Walker) ลูกชายของ John “Johnnie” Walker ผู้ก่อตั้งบริษัท
จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล เกิดจากการผสมผสานของ เกรน วิสกี้ (Grain Whisky) และมอลท์ วิสกี้ (Malt Whisky) จำนวน 16 ชนิด ที่แพงที่สุดในโลก เพราะในจำนวน 16 ชนิดดังกล่าว มีบางชนิดที่ผ่านการหมักบ่มมากว่า 60 ปี ที่สำคัญในจำนวนวิสกี้ 1 ล้านถัง ที่ทำการผลิต จะมีเพียง 1 หรือ 2 ถัง เท่านั้น ที่นำมาเป็นส่วนผสมของบลู เลเบิ้ล
จอห์นนี วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล มีรสชาตินุ่มนวล กลิ่นกรุ่นและเข้มข้น ที่ผสานกันอย่างลงตัว (ก่อนชิมขอแนะนำวิธีการชิมที่จะให้ได้รสชาติที่ดี ดื่มน้ำเย็นล้างคอและลิ้นก่อน) จิบแรกจะให้รสชาติที่นุ่มนวลเนียน ตามด้วยรสและกลิ่นต่างๆ เช่น ถั่วเฮเซลนัท น้ำผึ้ง กลีบกุหลาบ เชอร์รี และซิทรัส เมื่อจิบซ้ำสองจะสัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างซิทรัส ถ่านไม้พีท โอค น้ำผึ้ง วานิลลา อัลมอนด์ กลิ่นควันกรุ่น ๆ สไปซี จันทน์เทศ ยาสูบ โกโก และดาร์กช็อคโกแลต ขณะที่อาฟเตอร์เทสต์ หอมหวาน ขมนิด ๆ ควันไฟ และมอลต์ ติดปากติดติดลิ้นยาวนาน
จอห์นนี วอล์กเกอร์ (Johnnie Walker) เป็นสก็อต วิสกี้ (Scotch Whisky) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก ในสไตล์วิสกี้ผสมหรือเบลนเดด วิสกี้ (Blended Whisky) กำเนิดที่ Kilmarnock, Ayrshire,Scotland ผลิตปีละกว่า 130 ล้านขวดส่งไปขายเกือบทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่เริ่มเข้ามาในปี พ.ศ.2467
เดิมมีชื่อว่า Walker’s Kilmarnock Whisky ตามแหล่งกำเนิด โดยปี 1820 John “Johnnie” Walker เริ่มขายวิสกี้ในร้านชำของเขาในเมือง Ayrshire ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลังจากเสียชีวิตในปี 1857 กิจการตกอยู่ในการดูแลของลูกชาย Alexander Walker และหลานชาย Alexander Walker II ปี 1865 จึงเข้าสู่กระบวนการผลิตวิสกี้เต็มตัว โดยผลิตรุ่น Walker’s Old Highland ปี 1870 ออกแบบขวดที่เป็นเหลี่ยมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน พร้อมฉลากเอียง 24 องศาซึ่งจดเป็นลิขสิทธิ์
ช่วงปี 1906 – 1909 เริ่มขยายสายการผลิตและใช้สีของฉลากมาเป็นชื่อรุ่น ปี 1908 James Stevenson เอ็มดีในขณะนั้น เปลี่ยนชื่อจาก Walker’s Kilmarnock Whiskies เป็น Johnnie Walker Whisky พร้อมสโลแกน “Born 1820 – Still going Strong!” และรูปผู้ชายเดินก้าวยาว ๆ วาดโดยทอม บราวน์ นักวาดการ์ตูน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เลิกผลิต Johnnie Walker White ปี 1932 เพิ่มสายการผลิต Johnnie Walker Swing ในรูปลักษณ์ขวดแบนที่เอียงไปเอียงมาได้ ปี 1925 เข้าร่วมเป็นสมาชิก Distillers Company และอยู่ในเครือ Guinness ในปี 1986 ก่อนที่จะตกเป็นของ Diageo ในปี 1997
“จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล บางกอก อิดิชั่น” (Johnnie Walker Blue Label Bangkok Edition) เป็นรุ่นสำคัญยิ่งที่นักสะสมชาวไทยต้องไม่พลาด..!!
