“World Class Global 2018” อีกประสบการณ์ของบาร์เทนเดอร์ไทย

4 คนสุดท้าย

5bc9b876bac52b25e206ebd4-1136-852

11

43117135_2213131275428962_5903683507586072576_n

Orlando-Marzo-Diageo

การสัมนาทิศทางค็อกเทล

เจน แก้วยอด

ทีมจากประเทศไทย

ไทยกับสิงคโปร์

แนะนำตัวก่อนการแข่งขัน

ปีสุดท้ายของเขา สไปซ์ เมอร์เชียล

ผู้เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย

ผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย

ฟิลิปปินส์ชนะโจทย์ Ketel One Better Drink

ฟิลิปปินส์นำเสนอค็อกเทลจากวิดีโอ

WORLD-CLASS-Bartender-1

ลุ้นการแบ่งสาย

สถานที่แข่งขัน

อเล็กซานเดอร์ คาร์โรลล์

อเล็กซานเดอร์

ออร์ลานโด มาร์โซ กับอดีตแชมป์

ออร์ลานโด มาร์โซ
“I can’t believe it !!..Just being here, competing alongside the best bartenders in the world, judged by some of the most iconic names in the business was a once-in-a-lifetime opportunity, but to actually win? I’m still in shock. I couldn’t have done it without the support of my amazing team back home – they’ve cheered me on every step of the way!”
“ออร์ลานโด มาร์โซ” (Orlando Marzo) กล่าวอย่างตื่นเต้น หลังได้ครองตำแหน่ง “World Class Global Bartender of the Year 2018” ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ที่มีบาร์เทนเดอร์ 55 คนเข้าร่วมชิงชัย
ออร์ลานโด มาร์โซ เป็น Bar Manager ชาวอิตาเลียนแห่งร้าน “ลูเม” (Lumé) ร้านอาหารชื่อดังในเมืองเมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย คว้าตำแหน่งสุดยอดบาร์เทนเดอร์อันดับ 1 ของโลกจากการแข่งขันรายการใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “World Class Global Bartender of the Year 2018”ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 10 ปีของการแข่งขัน World Class
ออร์ลานโด มาร์โซ เกิดที่เมืองปุลยาหรืออะพิวเลีย (Puglia / Apulia) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิตาลี หลังจบการศึกษาชั้นมัธยมก็ย้ายมาทำงานที่เมืองโมเดนา (Modena) แคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) ทางตอนกลางค่อนไปทางเหนือของประเทศ ที่เป็นแหล่งรวมความเป็นสุดยอดของสรรพวิชาหลายอย่าง ทั้งประวัติศาสตร์ การศึกษา ท่องเที่ยว อาหารการกิน และเทคโนโลยียานยนต์ ฯลฯ ซึ่งทำให้เขาได้ประสบการณ์มากมาย
อย่างไรก็ตามสถานที่ที่น่าจะเป็นการเริ่มต้นการเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ และได้ความรู้ด้านบาร์มากที่สุดคือลอนดอน เขาย้ายจากแผ่นดินบ้านเกิดมาอยู่ลอนดอนเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2009 ก้าวแรกของเขาคือตำแหน่ง Junior Bartender ที่ร้านในเครือ Rushmore Group ที่มีบาร์อยู่หลายแห่ง อีก 2 ปีต่อมาเขาขึงได้เป็น Head Bartender ที่ร้าน The Player หนึ่งในบาร์ยอดเยี่ยมของอังกฤษ ขณะเดียวกันเขายังมีส่วนช่วยทำให้ Milk & Honey bar London เป็นบาร์ติดอันดับโลก
ปลายปี 2013 ออร์ลานโดข้ามน้ำข้ามทะเลมายังเมลเบิร์น เมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน โดยทำงานที่ร้าน Eau de Vie Melbourne ในตำแหน่ง Head Bartender ก่อนจะย้ายมาเป็นผู้จัดการบาร์ที่ Lumé และฝ่าฟันผู้เข้าแข่งขันกว่า 500 คนทั่วออสเตรเลีย จนได้เป็นตัวแทนบาร์เทนเดอร์ออสเตรเลียมาแข่งขันระดับโลก และคว้าตำแหน่ง “World Class Global Bartender of the Year 2018” ดังกล่าว
นำเรื่องราวของ ออร์ลานโด มาร์โซ “World Class Global Bartender of the Year 2018” คนล่าสุดมาเล่าสู่กันฟัง อย่างน้อยเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กับบาร์เทนเดอร์ไทย ให้มีความขยันหมั่นศึกษา มีความพยายามในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญการสั่งสมประสบการณ์ เพื่อจะก้าวสู่ความสำเร็จในระดับและรายการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “World Class Thailand 2019” จะเริ่มทำการคัดเลือกในปลายเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับบาร์เทนเดอร์ที่เป็นตัวแทนจากประเทศไทยคือ “เจน แก้วยอด” (Jane Kaewyod) แม้จะไม่ผ่านรอบ 20 คนสุดท้าย แต่ก็สามารถทำผลงานได้ดี และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ชิมค็อกเทลจากฝีมือของเขา โดยเขาบอกว่า “ขอขอบคุณบริษัท ดีอาจีโอ และเวิลด์ คลาส ที่ให้โอกาสผมจนก้าวมาถึงวันนี้ ถามว่าเสียใจหรือไม่ แน่นอนเป็นธรรมดา แต่เหนือสิ่งอื่นในคือเป็นการเปิดโลกประสบการณ์ ที่จะนำไปต่อยอดและถ่ายทอดให้กับบาร์เทนเดอร์รุ่นหลังที่กำลังจะก้าวเข้ามาในเส้นทางสายนี้ อยากจะให้บาร์เทนเดอร์ทุกคนศึกษาเรียนรู้และหาประสบการณ์ให้มาก ๆ ที่สำคัญเวิลด์ คลาส ให้อะไรที่เป็นมากกว่าบาร์เทนเดอร์ ดังนั้นปีนี้สมัครกันเยอะ ๆ”
ขณะที่ อเล็กซานเดอร์ คาร์โรลล์ (Alexander Carroll) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย-กลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ ประจำประเทศไทยคนใหม่ ที่ดูแลโครงการเวิลด์ คลาสโคยตรงกล่าวว่า เวิลด์คลาสเป็นการแข่งขันระดับโลกที่รวบรวมเหล่าบาร์เทนเดอร์จากทั่วโลกมาประชันความเป็นเลิศในระยะเวลา 3 วัน เพื่อสร้างสรรค์ค็อกเทลที่ดีที่สุดให้กรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการตัดสิน โดยรอบชิงชนะเลิศของเวิลด์ คลาส 2018 ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะจัดขึ้นตรงกับสัปดาห์ค็อกเทลของกรุงเบอร์ลินพอดี การที่สองงานเกิดขึ้นพร้อมๆ กันช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าทึ่งให้กับเมืองนี้มากๆ โดยมีบาร์และร้านอาหารที่ร่วมงานร่วม 60 แห่ง และแสดงให้เห็นถึงโลกที่น่าตื่นเต้นของเครื่องดื่มค็อกเทล
“ผมชอบเวิลด์ คลาส ที่เป็นเวทีที่เปิดให้บาร์เทนเดอร์ได้ใช้ส่วนผสมที่หลากหลาย ตั้งแต่สก็อตช์ วิสกี้และมิกเซอร์ เช่น จอห์นนี วอล์กเกอร์ กับโซดา หรือ แทงเคอเรย์กับโทนิก ไปจนถึงค็อกเทลที่มีความสลับซับซ้อน อย่าง คุณเจน แก้วยอด ทำได้ดีมากในการแข่งขันครั้งนี้ เขาเป็นตัวแทนที่แสดงให้กรรมการจากประเทศต่างๆ เห็นว่ากลุ่มบาร์เทนเดอร์ในประเทศไทยมีมาตรฐานและทักษะที่สูงในการรังสรรค์ค็อกเทลที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ชาติใดในโลก”
อีมิลี เวลดอน (Emily Wheldon) Head of WORLD CLASS กล่าวว่า “ในวาระครบรอบ 10 ปีของเวิลด์ คลาส เราตั้งใจทำให้การแข่งขันครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดและดีที่สุด และเราก็ไม่ผิดหวัง ปัจจุบัน วัฒนธรรมค็อกเทลยังคงมีอิทธิพล และตลอดการแข่งขัน 4 วันที่เบอร์ลิน ผู้เข้าแข่งขันได้ร่วมกันสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดในสถานที่ที่เหมาะสมมาก ภารกิจก็ท้าทายและตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าที่เคย ส่วนผู้เข้าแข่งขันก็โชว์ฝีมือกันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้การแข่งขันเวิลด์ คลาสมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนใส่ใจในเครื่องดื่มเหมือนที่ใส่ใจในอาหาร และเราก็บรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าวแล้วในการแข่งขันครั้งนี้”
การแข่งขัน “World Class Global Final 2018” ครั้งนี้ประกอบด้วย 5 โจทย์(Challenge) แต่มีสิ่งที่เพิ่มเติมคือมีการให้บาร์เทนเดอร์ที่เข้ารอบสุดท้าย 57 คน ส่งวีดีโอเสนอค็อกเทลที่เชื่อมโยงกับสังคม ศิลปะวัฒนธรรมของประเทศตัวเองมาให้คณะกรรมการพิจารณา และ 5 คนจะได้รับคะแนนพิเศษ 10 คะแนน หนึ่งในนั้นเป็นบาร์เทนเดอร์จากฟิลิปินส์ จากนั้นนำมาเสนอจริงก่อนการแข่งขันที่เบอร์ลิน
สำหรับ 5 Challenge ในการแข่งขันที่เบอร์ลินประกอบด้วย (แข่ง 2 Challenge แรก แล้วตัดเหลือ 20 คนสุดท้าย) Ketel One “Better Drink” / Johnnie Walker “Flavour of Nation” / Tanqueray ” Search for a Signature” / Zacapa ” Before and After” Orlando Marzo และ Cocktail Clash (สำหรับผู้เข้ารอบ 4 คนสุดท้ายประกอบด้วย Laura Newman (USA) บาร์เทนเดอร์สาวคนแรกที่ชนะเลิศเป็นตัวแทนสหรัฐ,Orlando Marzo จากออสเตรเลีย,Daniel Warren จากอังกฤษ และ Gökhan Kuşoğlu จากตุรกี)
ผลการแข่งขันทั้ง 5 Challenge ผู้ชนะแต่ละ Challenge ประกอบด้วย
1.Ketel One “Better Drink” คือเลสเตอร์ ลีกอน (Lester Ligon) จากฟิลิปปินส์
2.Johnnie Walker “Flavour of Nation” คือมิชาเอล อาจิยีอานนี (Micheal Hajiyianni) จาก เดนมาร์ก
3.Tanqueray ” Search for a Signature” คือออร์ลานโด มาร์โซ (Orlando Marzo) จากออสเตรเลีย
4.Zacapa ” Before and After” คือออร์ลานโด มาร์โซ (Orlando Marzo) จาก ออสเตรเลีย
5.Cocktail Clash (4 finalist) คือลอรา นิวแมน (Laura Newman) จาก สหรัฐอเมริกา
สุดท้าย ออร์ลานโด มาร์โซ (Orlando Marzo) ที่ชนะถึง 2 โจทย์ ก็คว้าตำแหน่งไปครองซึ่ง ลอเรน มอต (Lauren Mote) Diageo Reserve Global Cocktailian และกรรมการตัดสินครั้งนี้กล่าวว่า “ผู้เข้ารอบสุดท้ายทุกคนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ออร์ลานโดสุดยอดมากใน “Before and After” เขาทำเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยผสม Zacapa ที่รสชาติดีที่สุดเท่าที่เคยลิ้มลองมา และความนิ่งของเขาในการแข่งขันรอบชิง “Cocktail Clash” ทำให้เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างไร้ข้อกังขา”
“การฝึกซ้อมอย่างหนักและการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเพื่อนร่วมงานเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ ซึ่งผมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะทำได้ การได้แข่งกับบาร์เทนเดอร์ยอดฝีมือจากทั่วโลกและได้รับการตัดสินจากผู้คร่ำหวอดในวงการก็ว่าเหลือเชื่อแล้ว”
หวังว่าคำกล่าวของ “ออร์ลานโด มาร์โซ” (Orlando Marzo) เจ้าของตำแหน่ง “World Class Global Bartender of the Year 2018” นี้จะช่วยจุดประกายหรือเป็นแรงผลักดันให้กับบาร์เทนเดอร์ไทย รวมทั้งเจ้าของกิจการและเพื่อร่วมงานได้บ้าง เริ่มกันเลยใน “World Class Thailand 2019” ในอีกไม่กี่วันนี้..!!!

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...