“ดั๊กฮอร์น”หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ “แมร์กโลต์”แห่งแคลิฟอร์เนีย

Duckhorn หนึ่งในราชาแมร์กโดลต์

Sideways

Three Palms Vineyard

Three Palms Vineyard 2014

ขาโต เปตรุส ราชาแห่งแมร์กโลต์

ฉากหนึ่งใน Sideways

ชาร์โดเนย์กลิ่นอายเบอร์กันดี

ที่ทำการของ Duckhorn

ผู้นำเข้าและ จนท.จากไวเนอะรี

ไวน์ขาวดิ่มง่าย ๆ สบาย ๆ

ไวน์ที่ไปทำในโคลัมเบีย แวลลีย์ รัฐวอชิงตัน สเตท

ไวน์ที่ไปทำในรัฐวอชิงตัน สเตท

สีของแมร์กโลต์ …“ถ้าใครสั่งเมอโลต์ กูจะกลับ กูไม่แ…กเมอโลต์โว้ย!”
ใครที่เคยดูหนังเรื่อง Sideways ซึ่งเริ่มฉายในปี 2004 น่าจะจำประโยคนี้ได้ หลังจาก “ไมล์ส” (พอล จิอาแม็ตติ) ชายผู้ล้มเหลวในชีวิต กล่าวด้วยอารมณ์อันเกรี้ยวกราดต่อเพื่อนของเขาที่ถามแกมประชดว่าจะดื่มไวน์ “เมอโลต์” (Merlot) ระหว่างเดินเท้าไปรับประทานอาหาร
เป็นอารมณ์ที่คิดถึงเมียเก่าตัวเองซึ่งชอบดื่มไวน์เมอโลต์ (ส่วนตัวเขาชอบปิโนต์ นัวร์) และเป็นอารมณ์ดูถูกเหยียดแคลนว่าเมอโลต์เป็นไวน์แบบที่เขา “เกลียด” ทั้งด้านรสชาติและทัศนคติกับไวน์เมอร์โลต์
ฉากดังกล่าวความยาวประมาณ 60 วินาที แต่ส่งผลกระทบต่อวงการไวน์ค่อนข้างมาก เพราะหลังจากหนังเข้าฉายในเดือนตุลาคม ปี 2004 ยอดขายไวน์เมอร์โลต์ตกลงประมาณ 2% ข้อมูลยืนยันจากงานศึกษาของ สตีเวน ซูเอลลาร์ อาจารย์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งโซโนมา ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พบว่ายอดดังกล่าวที่ตกจนถึงปี 2008 ขณะที่ไวน์ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) ที่ไมล์สชอบยอดขายพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 16 % ขณะที่ผลการสำรวจของ Vineyard Financial Associates พบว่า การปลูกองุ่นปิโนต์ นัวร์ ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นราว 7-8% ส่วนยอดการผลิตเพิ่มขึ้นในแคลิฟอร์เนียเพิ่มกว่า 170%
ขณะที่หลาย ๆ คนในวงการไวน์บอกว่า…นี่เป็นการบุลลีแมร์กโลต์ชัด ๆ !!
“แมร์กโลต์ / แมร์โลต์” (Merlot) เป็นองุ่นแดงพันธุ์หลักในโลกของไวน์ในหลาย ๆ ชาติทั่วโลก เป็นองุ่นสำคัญของเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์ฝั่งขวา (Right Bank) ใช้ทำไวน์แดงราคาแพงระดับต้น ๆ ของโลกอย่าง “ชาโต เปตรุส” (Chateau Petrus) ที่ได้ชื่อว่า “ราชาแห่งแมร์กโลต์” และข้ามไปโด่งดังในอิตาลี ที่ใช้ทำไวน์ ”มาสเซโต” (Masseto) สุดยอดแห่งไวน์ ซูเปอร์ ทัสกัน (Super Tuscan)
ในเมืองบอร์กโดซ์ “แมร์กโลต์” ยิ่งใหญ่บริเวณฝั่งขวา (Right Bank) ในพื้นที่อย่างแซงต์ เตมิยอง ( St. Emilion) ปอเมอฮรอล (Pomerol) ฟรงซัค (Fronsac) และโก๊ต เดอ กาสติลยอง (Cotes de Castillon) เป็นต้น ในส่วนของการเบลนด์ที่ถือว่าคลาสสิคคือเบลนด์กับกาแบร์กเนต์ โซวีญยอง โดยแมร์กโลต์น้ำตาลมากกว่า แทนนินต่ำกว่า ทำไวน์แล้วสุกเร็วกว่าและโครงสร้างของน้ำเนื้อนุ่มนวลกว่า โดยคุณสมบัติของแมร์โลต์โดยทั่วไปคือ เปลือกบางและแอซสิดต่ำ แทนนินปานกลาง ฟรุตตี้คล้าย ๆ กาแบร์เนต์ โซวีญยอง เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม และแบล็คเชอร์รี แต่พลัมจะโดดเด่นกว่าอย่างอื่น
”แมร์กโลต์” มีเปลือกสีแดงจนเกือบดำแกมน้ำเงิน ชื่อได้มาจากคำว่า “แมร์เลอะ” (Merle) หรือ Blackbird ซึ่งเป็นนกตระกูลอีกา ขนมีสีดำแกมน้ำเงินเหมือนสีเปลือกองุ่น มีเรื่องเล่าว่าครั้งโบราณเกษตรกรในบอร์กโดซ์ปลูกองุ่นอยู่พันธุ์หนึ่งแต่ยังไม่มีชื่อ วันหนึ่งมีนกตัวเล็ก ๆ สีดำบินมาเกาะที่เถาองุ่น ปรากฏว่าขนของนกเหมือนกับเปลือกองุ่น จึงตั้งชื่อตามนั้น
แต่เดิมเคยมีการเข้าใจว่าแมร์กโลต์ เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกาแบร์กเนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) กับกาเมอแนร์ (Carmenere) ต่อมามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย,เดวิส (University of California,Davis) การตรวจดีเอ็นเอจึงพบว่าเป็นคนละพันธุ์กัน
แมร์กโลต์สามารถทำได้ทั้งเป็นพันธุ์เดี่ยว ๆ และเบลนด์กับพันธุ์อื่น เนื่องจากคุณสมบัติของแมร์กโลต์โดยทั่วไปคือ มิเดียม -ฟูลบอดี้ ฟรุตตี้ประเภทพลัม แบล็คเบอร์รี และเคอร์แรนท์ แทนนินปานกลาง เปลือกบางและแอซสิดต่ำ ในบอร์กโดซ์ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มบอดี้และความนุ่มนวล เช่นเดียวกับในอิตาลีที่ใช้ผสมกับซานโจเวเซ (Sangiovese) เพื่อให้เกิดความนุ่มนวล ขณะเดียวกันยังมีการทำ White Merlot ในสไตล์เดียวกับ White Zinfandel ด้วย
นอกจากในฝรั่งเศสที่ปลูกเป็นอันดับ 3 แล้ว แมร์กโลต์ยังปลูกได้ผลดีในหลายประเทศ เช่น อิตาลี (ปลูกมากเป็นอันดับ 5) ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ และชิลี เป็นต้น
ในอิตาลี “แมร์โลต์ ถูกนำเข้ามาปลูกเป็นครั้งแรกราวกลางศตวรรษที่ 19 แถว ๆ เมืองเวนิซ (Venice) ของแคว้นเวเนโต (Veneto) ระยะเริ่มแรกเป็นเพียงพระรอง ถูกใช้เบลนด์กับองุ่นพื้นเมืองของอิตาลี เช่น ซานโจเวเซ (Sangiovese) เป็นต้น หลังจากทำความรู้จักกับดินฟ้าอากาศของอิตาลีอย่างดีแล้ว แมร์กโลต์จึงก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว สามารถทำไวน์แบบเดี่ยว ๆ ได้ดีมาก
ฟริอูลิ (Friuli) ทางเหนือค่อนไปทางตะวันออกของอิตาลี เป็นแคว้นที่ปลูกแมร์กโลต์ มากที่สุดในอิตาลี และเป็นแมร์กโลต์อากาศเย็น ส่วนใหญ่นิยมเบลนด์กับกาแบร์กเนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) หรือกาแบร์กเนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) อย่างไรก็ตามแมร์กโลต์คุณภาพดีและทำราคาได้ดีอยู่ที่แคว้นทัสกานี (Tuscany) ผู้ผลิตหลายรายทำได้ยอดเยี่ยมมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาสเซโต (Masseto) สุดยอด “ซูเปอร์ ทัสกัน” เป็นแมร์กโลต์ที่น่าจะเรียกได้ว่าแพงที่สุดของอิตาลี ถูกนำไปโยงกับ ชาโต เปตรุส (Chateau Petrus) ไวน์แพงของฝรั่งเศสที่ใช้แมร์กโลต์นำเหมือนกัน และมีคนตั้งฉายาให้มาสเซโตว่า “เปตรุสแห่งอิตาลี” !
ทั่วโลกปลูกแมร์กโลต์ประมาณ 600,000 เอเคอร์ ในฝรั่งเศสประมาณ 280,000 เอเคอร์ อิตาลี 93,000 เอเคอร์ สหรัฐอเมริกา 55,000 เอเคอร์ ออสเตรเลีย 39,000 เอเคอร์ ชิลี 25,000 เอเคอร์ และอาร์เจนตินา 13,000 เอเคอร์ เป็นต้น
ไม่รู้ว่า “ไมล์ส” คืนดีกับเมียหรือยัง ที่แน่ ๆ “ไมล์ส” คงไม่เคยดื่ม “แมร์กโลต์” ดี ๆ ในแผ่นดินอเมริกาอย่างแน่นอน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ”ดั๊กฮอร์น” (Duckhorn)
”ดั๊กฮอร์น” (Duckhorn) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์คุณภาพ ก่อตั้งในปี 1976 โดยแดน และมาร์กาเร็ต ดั๊กฮอร์น (Dan – Margaret Duckhorn) ณ เมืองเซนต์ เฮเลนา (St.Helena) ในนาปา แวลลีย์ (Napa Valley) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ผลิตทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว สปารคกลิ้งไวน์ และโรเซ ปัจจุบันเป็นบริษัทในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ( New York Stock Exchange) ภายใต้ชื่อ “NAPA” อยู่ในเครือ TSG Consumer Partners บริษัทเครื่องอุปโภคบริโภคแห่งซาน ฟรานซิสโก ซึ่งมีไวน์อยู่ภายใต้ชายคาหลายแห่ง หลายพื้นที่ นอกจากในรัฐแคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน สเตท
หลายปีมาแล้วผมเคยได้รับเชิญจากสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ไปเป็นกรรมการคัดเลือกไวน์ให้กับสถานทูตเพื่อใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ โดยเปิดรับจากผู้นำเข้าไวน์สหรัฐอเมริกาในประเทศไทย ซึ่งทูตตอนนั้นจำได้ว่าชื่อจอห์นสัน อะไรประมาณนี้บอกว่าเพื่อสนับสนุนผู้นำเข้าในเมืองไทย ทั้งที่จริงสถานทูตสามารถสั่งโดยตรงได้โดยไม่ต้องเสียภาษี ไวน์ที่ได้คะแนนอันดับ 1 คือ ดั๊กฮอร์น แมร์กโลต์ ทรีปาล์ม วินเยิร์ด นาปา แวลลีย์ (Duckhorn Merlot Three Palms Vineyard Napa Valley)
ดั๊กฮอร์น นั้นได้ชื่อว่ามีความเชี่ยวชาญในการทำไวน์แดงจากองุ่นแมร์กโลต์ องุ่นทั้งหมดที่ใช้ทำไวน์ตัวนี้มาจากไร่ Three Palms Vineyard ที่มีต้นตาล 3 ต้นตามรูป โดยดั๊กฮอร์น ซื้อไร่แห่งนี้มาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 หลังจากที่ซื้อเฉพาะองุ่นอย่างเดียวเพื่อผลิตไวน์ภายใต้ชื่อ Three Palms Merlot วินเทจแรก 1978 ขนาดพื้นที่ 83 เอเคอร์ ในจำนวนนี้ 50 เอเคอร์ปลูกแมร์กโลต์ 20 เฮกตาร์ นอกนั้นเป็นองุ่นสายพันธุ์คลาสสิคจากบอร์กโดซ์ พร้อมกับทำไวน์ฉลากสองชื่อ “ดีคอย” (Decoy)
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมาร้าน Wine in Love จัดงาน “ดั๊กฮอร์น ไวน์ เทสติ้ง” (Duckhorn Wine Tasting) ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากคนรักไวน์อย่างล้นหลาม มีไวน์ในเครือดั๊กฮอร์นทั้งที่ทำในนาปา แวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน สเตท ให้ชิมถึง 8 ฉลาก ไฮไลท์สำคัญคือ Duckhorn Merlot Three Palms Vineyard Napa Valley วินเทจ 2019 วินเทจล่าสุดที่มีในเมืองไทย ซึ่งยังค่อนข้างไม่พีก (Peak) หรือสุกเต็มที่นัก สามารถดื่มได้ในตอนนี้ แต่อาจจะยังไม่เอร็ดอร่อยนัก แต่ก่อนหน้านั้นผมได้ชิมวินเทจ 2014 ที่กำลังสุกพร้อมดื่มลองไปชิมกัน
”ดั๊กฮอร์น แมร์กโลต์ นาปา แวลลีย์ ทรี ปาล์ม วินเยิร์ด นาปา แวลลีย์ 2014” (Duckhorn Merlot Napa Valley Three Palms Vineyard Napa Valley 2014) วินเทจนี้เคยได้รับรางวัลอันดับ 1 ของนิตยสาร Wine Spectator ในปี 2017 เป็น “Wine Spectator Top 100 of 2017″ ด้วยคะแนน 95/100 คะแนน
เป็นไวน์สไตล์บอร์กโดซ์ เบลนด์ (Bordeaux Blend) ทำจากแมร์กโลต์ 86 % กาแบร์กเนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 8% มาลเบ็ค (Malbec) 4 % และเปอติต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 2 % บ่มในถังโอ๊คฝรั่งเศส 18 เดือน โดยไวน์ 75 % บ่มในโอ๊คใหม่
สีแดงโกเมนเข้ม สดใส หอมกลิ่นผลไม้สุกคล้าย ๆ แยมผลไม้ พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเชอร์รี ราสพ์เบอร์รี พรุน พุทราจีน ดอกไม้แห้ง ๆ มิเนอรัล ไส้ดินสอดำ สไปซี เฮิร์บ กานพลู โป๊ยกั๊ก ซีดาร์ หนังสัตว์ สโม๊คกี้โอ๊คและหอมหวาน แอซสิดสดชื่น แทนนินนุ่มเนียน ครีมมี น้ำเนื้อหนักแน่นเคี้ยวได้ จบยาวด้วยผลไม้สุก มิเนอรัล สไปซี เฮิร์บ วานิลลา กำลังพร้อมดื่ม เป็นแมร์กโลต์จากนาปา แวลลีย์ที่ควรชิมอย่างยิ่ง………19.5/20 คะแนน
ท่านที่สนใจไวน์ดั๊กฮอร์นทั้ง 8 ฉลาก อาจจะหาที่อื่นไม่ได้ สามารถสอบถามที่ ร้าน Wine in Love โทร.080-4618989

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...