การผสานที่ลงตัวของ “ไวน์กับชุมชน”

การเก็บองุ่นในวัลเตลลินา

กิจกรรมในโปยส์ดอร์ฟ

กิจกรรมในเมด็อก มาราธอน

จุดแจกไวน์ในเมด็อก มาราธอน

ชุมชนโปยส์ดอร์ฟ

แผนที่บอกทางกิจกรรมไวน์โปยส์ดอร์ฟ

เมด็อก มาราธอน วิ่งผ่านไร่องุ่น

MARATHON DU MEDOC...24° édition...Pauillac (33), le 06 septembre 2008

เมืองโปยส์ดอร์ฟ

ไร่องุ่นในวัลเตลลินา

วัลเตลลินา ไวน์ เทรลช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาวของ ”เทศกาลสงกรานต์” หยุดยาวกัน 4-6 วันตามสถานะหรืออาชีพของแต่ละบุคคล สงกรานต์เป็นประเพณี เป็นกิจกรรมของชุมชนที่สืบทอดกันมายาวนาน ที่สำคัญปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศตั้งใจจะมาร่วมกิจกรรมนี้อย่างมากมาย
ดังนั้นตอนนี้จะขอนำเสนอเรื่องราวเบา ๆ สบาย ๆ เป็นเรื่องขงอชุมชนที่ผสานกับไวน์ได้อย่างลงตัว และทำมานมนานแล้วด้วย ปัจจุบันก็ยังทำอยู่ และท่านสามารถไปร่วมกิจกรรมกับพวกเขาได้
ที่แรกไปกันที่เมือง “โปยส์ดอร์ฟ” (Poysdorf) ประเทศออสเตรีย เป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบสงบ มีพลเมืองประมาณ 5 พันคน อยู่ในรัฐ Lower Austria ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรีย ติดพรมแดนทางใต้ของสาธารณัฐเชก ด้านตะวันออกติดสโลวะเกีย และอยู่เหนือเวียนนาเมืองหลวงของออสเตรีย จากเวียนนาใช้ทางด่วนสาย A5 แล้วไปต่อถนนธรรมดา B7 สามารถนั่งแท็กซี่ไปได้ประมาณ 40 นาที รถบัสประมาณ 1.30 ชม.และรถไฟประมาณ 1.20 ชม.
“โปยส์ดอร์ฟ” เป็นเมืองที่คนรักไวน์ต้องไปสักครั้งชีวิต เพราะกรุ่นกลิ่นไวน์ไปทั่วทั้งเมือง ที่เต็มไปด้วยไร่องุ่นและถ้ำเก็บไวน์ ที่สำคัญมีพิพิธภัณฑ์ไวน์หรือ “วีโน เวอร์ซุม โปยส์ดอร์ฟ” ( Vino Versum Poysdorf) เปิดให้ดูเรื่องราวของไวน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ถ้าจะไปขอแนะนำให้ไประหว่างเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม จะมี “Open Cellar” ผู้ผลิตไวน์จะเปิดเซลลาร์ของตนเอง ให้คนรักไวน์เข้าไปชิมและดูการผลิตไวน์ของพวกเขา มีการตั้งโต๊ะหน้าเซลลาร์กลางถนนในซอยกันเลย ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะ หลังจากเดือน ต.ค.เป็นต้นไปหิมะจะตก หลังคาบ้านและในซอยมีหิมะปกคลุม
ที่ไม่ควรพลาดคือ “Kellergassen” หรือ “Cellar Alley” เซลลาร์ของผู้ผลิตไวน์รายเล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในตรอกซอกซอยต่าง ๆ ผลิตไวน์ตามวิธีดั้งเดิม 2 ข้างทางที่เป็นถนนหรือซอยเล็ก ๆ มองด้านนอกเป็นประตูเข้าบ้าน แต่จริง ๆ แล้วข้างในเป็นเซลลาร์แบบชาวบ้านแทบทั้งนั้น
ปัจจุบันแม้การผลิตไวน์จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเยอะ แต่ก็มีลูกหลานของพวกเขาย้อนยุคกลับไปผลิตไวน์ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม
“โปยส์ดอร์ฟ” มีพื้นที่ปลูกองุ่นนทำไวน์ประมาณ 550 เฮกตาร์ ได้รับ DAC (เขตผลิตไวน์คุณภาพของออสเตรเลีย) เมื่อปี 2003 ไวน์ที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือไวน์ขาวที่ทำจากองุ่น “กรือเนอร์ เฟลต์ลิเนอร์” (Grüner Veltliner) ที่มีกลิ่นและรสชาติของเปปเปอร์มากกว่าเขตอื่น
ผู้ผลิตไวน์ที่ขอแนะนำให้แวะไปชิม ซึ่งเป็นสายเลือดใหม่ที่ชอบการผลิตไวน์แบบดั้งเดิมหรือใช้เทคโนโลนีสมัยใหม่น้อยมาก เช่น Ingrid Groiss,Ebner-Ebenauer,R&A Pfaffl (The Dot) และ Gruber Röschitz เป็นต้น
ผมไป “โปยส์ดอร์ฟ” มา 5 ครั้งและยังอยากจะไปอีกไม่รู้เบื่อ ท่านที่มีโอกาสแนะนำให้ไปเยี่มเยียนชมและชิมไวน์ของพวกเขา
แห่งที่ 2 ไปที่ฝรั่งเศส ”เมด็อก มาราธอน” (Médoc Marathon) หรือ “มาราธอน ดู เมด็อก” (Marathon du Médoc) หรือ “มาราธอน เดส์ ชาโตซ์ ดู เมด็อก” (Marathon des Châteaux du Médoc) เป็นการผสมผสานกีฬากับชุมชนที่ผลิตไวน์ที่ประสบผลสำเร็จระดับโลก ผสมผสานกีฬา ความสนุกสนาน ความงดงามของพื้นที่ อาหาร และไวน์ของอำเภอเมด็อก แหล่งทำไวน์ระดับหัวกะทิของเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux)
”เมด็อก มาราธอน” เป็นการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 จัดขึ้นทุกปีในเดือนกันยายน วิ่งผ่านไร่องุ่นของ อ.เมด็อก ถือเป็น “การวิ่งมาราธอนที่ยาวที่สุดในโลก” เนื่องจากการแข่งขันจะสลับกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การแสดงดนตรีพร้อมวงออร์เคสตร้า 50 วงที่กระจายอยู่รอบสนาม การแวะชิมไวน์ 23 รายการ และซุ้มอาหารต่าง ๆ ฯลฯ
ในภาพส่วนใหญ่เป็น ”เมด็อก มาราธอน” ปี 2018 จัดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 8 กันยายน 2018 ซึ่งเป็นปีก่อนที่โควิด 19 ระบาด มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 10,000 คน ใช้เส้นทางวิ่งผ่านไร่องุ่นต่าง ๆ ใน อำเภอเมด็อก เมืองบอร์กโดซ์ จุดสตาร์ทอยู่ที่ Pauillac แล้ววิ่งเรื่อยไปยัง Saint-Julien,Saint-Estèphe Médoc,Haut-Médoc กลับมาเข้าเส้นชัยที่ Pauillac ซึ่งทั้งหมดเป็นตำบลทำไวน์ชื่อดังของเมด็อก มีบริการกิจกรรม อาหาร ไวน์ ฯลฯ ตลอดเส้นทาง
”เมด็อก มาราธอน” มีหลายระยะทาง ที่เป็นทางการคือ 42.195 กม.สถิติ 42.195 กม.ของฝ่ายชายถูกทำไว้ในปี 1992 โดยซาชา โลตอฟ (Sacha Lotov) 2 ชม.19 นาที 20 วินาที ส่วนประเภทหญิงโฌแซน ลาโด (Josiane Llado) ทำไว้ในปี 1999 ที่ 2:38.34 ชม.
ที่สำคัญไวน์ที่นำมาใช้ชิมตามจุดต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ธรรมดา มีระดับกรองด์ ครู ด้วย เช่น Château Pichon Longueville Comtesse de Lalande 2016,,Amiral de Beychevelle 2006,Château Gruaud-Larose 2016,Château Lagrange 2013,Château Grand-Puy-Lacoste 2015 ขวดแม็กนั่ม และไวน์ฉลาก 2 ของ Château Beychevelle เป็นต้น ที่ไม่น่าเชื่อคือมี Château Lafite Rothschild และ Château Montrose 2015 ด้วย !!
ปี 2006 ผมไปชิมไวน์บอร์กโดซ์ ในช่วงนั้นพอดี ก็เลยให้เจ้าของชาโตหนึ่งจองให้ เขาตกใจถามว่ายูวิ่งได้หรือ ? ปรากฏว่าผมทำเวลาได้ 4 ชม.07 นาที 42 วินาที เจ้าของชาโตมอบไวน์ของเขา ขวดแม็กนั่มปี 1982 มาให้ 1 ขวด
เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของกีฬา ความสนุกสนาน ความงดงามของพื้นที่ อาหาร และไวน์ของอำเภอเมด็อก แหล่งทำไวน์ระดับหัวกะทิของเมืองบอร์กโดซ์
สำหรับปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งที่ 38 จะจัดในวันที่ 7 กันยายน 2024 ท่านที่สนใจอยากจะไปร่วมงานด้วย ลองเข้าไปในเวบไซต์ของ Médoc Vignoble Tourist Office !!
จากออสเตรียและฝรั่งเศส ไปจบที่อิตาลี ณ ไร่องุ่นใน “วัลเตลลินา” (Valtellina) เหนือสุดของอิตาลี เป็นที่ซึ่งคนทำไวน์ต้องต่อสู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง ไร่องุ่นส่วนใหญ่เรียงรายอยู่บนเนินเขาสูง เก็บองุ่นด้วยแรงงานคนที่แสนลำบาก การขนส่งองุ่นลงมาด้านล่างบางครั้งต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ หรือกระเช้าไฟฟ้า ได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่งใน “The most CRAZY vineyards of Italy”
ถึงจะยากลำบากสักเพียงใด หนึ่งในกิจกรรมที่โด่งดังและได้รับความนิยมมากคือ “วัลเตลลินา ไวน์ เทรล” (Valtellina Wine Trail) การวิ่งประเภทเทรล หรือวิ่งวิบาก ผ่านหรือลัดเลาะไปตามไร่องุ่น ขึ้นเนิน ขึ้นเขา ลงหุบเหว บางช่วงวิ่งเข้าไปในห้องบ่มไวน์ของผู้ผลิตไวน์บางราย เป็นต้น จัดประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
“วัลเตลลินา” เป็นพื้นที่ผลิตไวน์สังกัดแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) ที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง อยู่ห่างมิลานไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 60 ไมล์ ตอนที่ผมไปนั้นขับรถจากมิลานไประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าหน้าหนาวหิมะตกอาจจะนานกว่านั้น เพราะอยู่เหนือสุดของอิตาลี มีพรมแดนติดสวิตเซอร์แลนด์ มีเทือกเขาแอลป์ (Alps) กางกั้น
การทำไวน์ของ “วัลเตลลินา” เริ่มมาตั้งก่อนยุคโรมัน ปัจจุบันองุ่นที่ปลูกมากและได้ผลดีที่สุดคือเนบบิโอโล (Nebbiolo) ที่ใช้ทำไวน์บาโรโล (Barolo) และบาร์บาเรสโก (Barbaresco) ในเพียดมอนต์ (Piedmont) นั่นเอง เกษตรกรบอกว่าเนบบิโอโลเป็น”ราชาของวัลเตลลินา”
“วัลเตลลินา” ประกอบด้วย 1 IGT คือ Retiche di Sondrio 1 DOC คือ Rosso di Valtellina และ 2 DOCG คือ Valtellina Superiore และ Sforzato di Valtellina โดยไวน์ Rosso di Valtellina มีกฏข้อบังคับว่าต้องใช้เนบบิโอโลอย่างน้อย 80% อีก 20% เป็นองุ่นพันธุ์อื่น ๆ เช่น pinot noir,merlot,cabernet sauvignon,syrah,rossola, brugnola หรือ pignola
ไวน์ Valtellina Superiore ต้องใช้เนบบิโอโลอย่างน้อย 90% ต้องบ่มในถังโอ๊คอย่างน้อย 24 เดือน ถ้าเป็น Riserva ต้องบ่มในถังโอ๊คอย่างน้อย 36 เดือน ที่สำคัญไวน์ทั้ง 2 เกรดนี้ต้องทำจากองุ่นใน 5 พื้นที่ต่อไปนี้ Grumello,Inferno,Maroggia, Sassella และ Valgella
“วัลเตลลินา ไวน์ เทรล” จัดประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ท่านที่มีโอกาสไปมิลาน “เหมือแห่งแฟชั่น” อย่าพลาดกับการชิมไวน์ของ “วัลเตลลินา” ทีมีเสน่ห์ไม่แพ้บาโรโล !!!
ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องราวคร่าว ๆ ของ 3 กิจกรรมของ 3 ประเทศ ที่ผสมผสานกิจกรรมต่าง ๆ เข้ากับไวน์ของชุมชนได้อย่างลงตัวและทั่วโลกรู้จัก และทุกแห่งล้วนไม่ใช่สักแต่จะขายไวน์อย่างเดียว !
***************

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...