“ดิอาจีโอ เวิลด์ คลาส 2015” อันดับ 20 ของไทยบนเวทีโลก

David Rios แชมป์ปี 2013 กับผู้แข่งขันเกาหลีใต้ Mafer Tajeda จากเม็กซิโก Michito Kaneko Night and Day ของพงษ์ภัค Refaat Gostine จากเลบานอน Steeve Leong จากสิงคโปร์ Tim Phillipes แชมป์ปี 2012 มาเป็นกรรมการ Ueno San ปรมาจารย์ค็อกเทลจากญี่ปุ่น การแสดงพื้นเมือง บนเวทีประกาศรางวัล บาร์เทนเดอร์ ฟิลิปปินส์ที่ได้รางวัล Around The World บาร์เทนเดอร์สาวจากเนเธอร์แลนด์ พงศ์ภัคได้รับคำแนะนำจากกรรมการ Peter Dorelli พงษ์ภัค แข่งโจทย์ Around the world เวทีโจทย์ Cocktail Aginst the clock สีสันจาก Greece หนึ่งในค็อกเทลของพงศ์ภัค

การแข่งขัน “ดิอาจีโอ เวิลด์ คลาส 2015” (Diageo World Class 2015) รอบสุดท้ายหรือ “World Class Global Finals” ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ระดับโลก นอกจากจะเป็นการแข่งขันบาร์เทนเดอร์รายการใหญ่แล้ว ว่ากันว่าสำหรับวงการเครื่องดื่มรางวัลนี้เป็นอีกหนึ่งในรางวัลคุณภาพ และเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพของบาร์เทนเดอร์

พงศ์ภัค สุทธิพงศ์ “ต้น” จากร้าน Why 97 เป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปร่วมชิงชัยกับสุดยอดบาร์เทนเดอร์จาก 54 ประเทศทั่วโลก และสามารถทำได้ดีด้วยการคว้าอันดับที่ 20 ของโลกมาครอง ขณะที่ตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของมิชิโตะ กาเนโกะ (Michito Kaneko) จากญี่ปุ่น

Diageo World Class เป็นแคมเปญระดับโลกที่สานต่อเป็นปีที่ 5 เริ่มครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี 2009  เพื่อค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์เครื่องดื่มชั้นเลิศ สำหรับในประเทศไทยเข้าร่วมแคมเปญนี้ตั้งแต่ปี 2511 สนับสนุนโดยบริษัท ดิอาจีโอ  โมเอ็ท  เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พรีเมียม ได้จัดกิจกรรมในการให้ความรู้ และฝึกฝนบาร์เทนเดอร์ไทยสู่การเป็นบาร์เทนเดอร์แถวหน้าของวงการ พร้อมเฟ้นหาตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในโครงการดังกล่าว ซึ่งในปี 2015 นี้จัดขึ้นที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม – 5 กันยายนที่ผ่านมา

เจนณรงค์ ภูมิจิตร ซีเนียร์ แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของ ดิอาจีโอ รีเสิร์ฟ (Diageo Reserve) บอกว่า เป็นเรื่องน่ายินดี ที่แชมป์ปีนี้เป็นของบาร์เทนเดอร์ญี่ปุ่น อย่างน้อยก็ยังเป็นประเทศในเอเชีย สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมการดื่มในภูมิภาคเอเชียยังน่าจับตามอง เพราะนับเป็นครั้งที่ 2 ที่บาร์เทนเดอร์จากญี่ปุ่นคว้าตำแหน่งแชมป์โลก เช่นเดียวกันตัวแทนประเทศไทย ซึ่งทำผลงานได้น่าพอใจ สามารถรักษาอันดับท็อป 20 ของไทยไว้ได้

จุดเด่นของตัวแทนประเทศไทยในปีนี้ คือคุณต้นเป็นคนที่มีความรู้ในทุกส่วนผสมที่นำมาเลือกใช้เป็นอย่างดี ทำให้เขาสามารถเฟ้นหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากแหล่งต่างๆ มาใช้ได้ สามารถตอบคำถามคณะกรรมการเกี่ยวกับวัตถุดิบที่นำมาใช้ได้ดี นอกจากนั้นค็อกเทลของคุณต้นยังมีรสชาติที่คงความเป็นไทยไว้ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ซึ่งผมมองว่าอันนี้เป็นทั้งจุดดีและจุดที่น่าคิด เพราะบางครั้งด้วยวัฒนธรรมการดื่มในแต่ละประเทศต่างกัน วัตถุดิบบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงมากๆ คณะกรรมการชาวต่างชาติอาจไม่คุ้นรสชาติ และไม่รู้จัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

การแข่งขันประกอบด้วย 5 โจทย์คือ 1.Against The Clock ให้เวลาผู้เข้าแข่งขันทำค็อกเทล 10 แก้ว ภายในเวลา 10 นาที คุณต้นทำได้ดี และทำได้ครบ 10 แก้ว รสชาติทุกแก้วสมบูรณ์แบบมาก และคว้าอันดับที่ 9 มาครอง โจทย์ที่ 2 คือ Around The World ผู้เข้าแข่งขันทำค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากแอฟริกา และประเทศของตัวเองอย่างละ 1 แก้ว โดยคุณต้นเลือกทำค็อกเทล Flavor King โชว์ความเป็นไทยเต็มที่ ส่วนแก้วที่หยิบแรงบันดาลใจจากแอฟริกา คุณต้นเลือกนำแรงบันดาลใจจากอาหารมาทำ ในโจทย์นี้ ได้อันดับที่ 26

โจทย์ที่ 3 Night and Day ให้ทำเครื่องดื่มสำหรับกลางวันและกลางคืนอย่างละแก้ว ไฮไลต์ที่คุณต้นนำมาใช้คือการทำค็อกเทลสำหรับกลางคืน โดยนำใบยากลายซึ่งเป็นใบยาสูบจากตำบลกลาย ภาคใต้ของไทยมาใช้ โดยนำมารมควันเพื่อให้ได้กลิ่นหอม เหมาะกับสภาพอากาศแบบอาเซียนอย่างบ้านเรา กรรมการค่อนข้างสนใจ มีการซักถามเยอะว่านำมาจากไหน เราได้อันดับที่ 29

โจทย์ที่ 4 Retro Disco Future เป็นอีกโจทย์ที่สนุกมาก เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันได้แสดงความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ผู้เข้าแข่งขันต้องออกแบบค็อกเทลสำหรับ 3 ยุคตามโจทย์ โดยคุณต้นเลือกตีความผ่านวัฒนธรรมการกินของผู้คนในยุคนั้นๆ รอบนี้เราได้อันดับที่ 26

โจทย์สุดท้าย Street Food Jam ผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกอาหารสตรีท ฟู้ดของแอฟริกาใต้ 2ใน 6 จานพร้อมชิมก่อนจะถึงเวลาแข่งขัน 30 นาที จากนั้นให้ทำค็อกเทลให้เข้ากับอาหารจานที่เลือก โจทย์นี้เราได้อันดับที่ 33

สำหรับคู่แข่งที่น่าจับตามองในภูมิภาคอาเซียน เจนณรงค์ยกให้ฟิลิปปินส์ทำผลงานได้เป็นอันดับ 1 ในโจทย์ Around The World ซึ่งการชนะในเวทีระดับโลกนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แน่นอนว่าเขาจะเอาความรู้และประสบการณ์ที่ได้กลับไปพัฒนาวงการบาร์เทนเดอร์ประเทศเขา หากไทยไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมา ที่เคยมองว่าเราเป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากสิงคโปร์ อาจจะโดนแซงหน้าได้

“ผมมองว่าบาร์เทนเดอร์ไทยมีพัฒนาการดีขึ้นเยอะ จาก 5 ปีก่อน ที่ผมเคยบอกว่าเราช้ากว่าสิงคโปร์ 5 ปี มาตอนนี้ ผมกล้าพูดเต็มปากว่าเราช้ากว่าไม่เกิน 2 ปี เราไล่ทันสิงคโปร์แน่นอน ส่วนแนวทางการพัฒนาบาร์เทนเดอร์ไทยที่จะไปแข่งขันในอนาคต ผมมองว่าถ้าแข่งในไทย บาร์เทนเดอร์ไทยตีโจทย์ความเป็นไทยได้ดี แต่พอไปแข่งในระดับโลก ไอเดียของบาร์เทนเดอร์ไทยอาจยังไม่สะท้อนความเป็นสากลพอ สิ่งที่เรานำเสนอคณะกรรมการต่างชาติไม่เข้าใจ ดังนั้นในปีถัดไปเราอาจต้องมองหาผู้ที่มีมุมมองในการนำเสนอแบบกลางๆ มากขึ้น แต่ผมยังมั่นใจว่าศักยภาพของบาร์เทนเดอร์เรายังไปได้อีกไกล เราตั้งเป้าว่าสักวันเราต้องติดท็อปเทนในเวทีโลกให้ได้”

พรเศก ภาคสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์กลุ่มรีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจีโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ผมมองว่าการแข่งขันเป็นเป้าหมายให้ทุกๆ คนได้มีโอกาสแสดงฝีมือ เราไม่ได้รางวัลอะไร แต่สิ่งที่ได้ก็มีค่าไม่น้อยไปกว่ากัน คือได้ประสบการณ์ ได้รู้จักเพื่อนจากทั่วโลก ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิค เพิ่มโอกาสและช่องทางในการที่จะนำบาร์เทนเดอร์เก่งๆ จากต่างประเทศ เข้ามาเป็นบาร์เทนเดอร์รับเชิญเพื่อถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างให้กับบาร์เทนเดอร์ในประเทศไทย

พรเศกอธิบายเสริมถึงการปรับตัวของบาร์เทนเดอร์ เพื่อรับกับเทรนด์การดื่มของคนไทยในปัจจุบัน ว่าผู้บริโภคเริ่มค้นหาเครื่องดื่มที่ให้รสชาติ และประสบการณ์ในการดื่ม หรือที่เรียกว่า Fine Drinking หรือ Cocktail Culture ซึ่งในแต่ละร้านก็เริ่มให้ความสนใจกับการหาบาร์เทนเดอร์ที่สามารถสร้างสรรค์เครื่องดื่มเหล่านั้น ตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งทำให้บาร์เทนเดอร์ต้องไม่หยุดยั้งที่จะค้นคว้าหาความรู้ให้กับตัวเอง อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของบาร์เทนเดอร์ที่ดี

ขณะที่บาร์เทนเดอร์ขยับขยายความรู้ความสามารถ คนดื่มก็ควรจะปรับทัศนคติต่อพวกเขาด้วย อย่างน้อยสั่งค็อกเทลสักแก้วแล้วพูดคุยกับเขา !!!

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...