เคปทาวน์ (Cape Town) เป็นเมืองที่มีอดีตเก่าแก่ที่สุด อายุกว่า 300 ปี ขณะเดียวกันก็เป็นเมืองทันสมัยที่สุดด้วย เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าใจกว้างที่สุดของแอฟริกาใต้ เพราะที่นี่คนต่างสีผิวสามารถเดินเคียงบ่าเคียงกันได้ทุกสถานที่ เป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จากการที่ตั้งอยู่ปลายสุดของทวีป ขนาบข้างด้วยมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก ด้านหลังมีเทือกเขาสูงเป็นกำแพง และเป็นจุดเด่นของเมืองคือภูเขาโต๊ะ (Table Mountain) เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเมือง สามารถมองเห็นได้จากทุกสารทิศ ที่สำคัญมาเคปทาวน์ถ้าไม่ขึ้นภูเขาโต๊ะถือว่ายังไม่ถึงแอฟริกาใต้
ภูเขาโต๊ะ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูเขาโต๊ะ (Table Mountain National Park) “บาร์โธโลมิว ดิแอส” ชาวโปรตุเกสเป็นนักเดินเรือชาวยุโรปคนแรกที่สังเกตเห็น Table Mountain เมื่อปี 1488 เป็นภูเขายอดตัดที่มีความเก่าแก่ โดดเด่นและสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา ความสูง 3,563 ฟุต ถือเป็นสัญลักษณ์ของ Cape Town รูปของภูเขาโต๊ะจึงปรากฎอยู่บนธงประจำเมือง เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน 2011 (11 – 11- 11) มูลนิธิสวิสซ์ ฟาวน์เดชั่น ได้โหวตให้เป็น 1 ใน 7 “สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของโลก” ลักษณะสำคัญคือขนาดของที่ราบด้านบนประมาณ 3 กิโลเมตร ด้านข้างล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน เช่น เดวิลส์ พีค (Devil’s Peak) ไลออนส์ เฮด (Lion’s Head) และซิกนอล ฮิลล์ (Signal Hill)
การขึ้นไปบนภูเขาโต๊ะสมัยก่อตั้งเดิน หลังปี 1929 เป็นต้นมาจึงมีกระเช้าไฟฟ้าบริการ ซึ่งมีจุดขึ้นที่ถนนทาเฟลเบิร์ก (Tafelberg) บริเวณรอบ ๆ สถานที่ขายบัตรมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย ร้านอาหาร สุขา ฯลฯ นักท่องเที่ยวเข้าแถวรอยาวเหยียดทุกวัน เมื่ออากาศร้อน ๆ จะมีการฉีดละอองน้ำเพื่อดับความร้อน หลังจากซื้อบัตรแล้วต้องขึ้นลิฟท์ไปอีกเพื่อไปยังฐานที่จะขึ้นกระเช้า
กระเช้านี้เรียกว่า Table Mountain Cableway หรือ Table Mountain kabelkar สร้างในปี 1926 เปิดใช้บริการในอีก 3 ปีต่อมา เดิมจุคนได้ 25 คน หลังจากปี 1997 จนถึงปัจจุบันจึงเพิ่มเป็น 65 คน พื้นกระเช้าเป็นกระจกสามารถมองเห็นด้านล่าง ตัวกระเช้าหมุนได้ 360 องศา อยู่มุมไหนก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ถ้าสภาพอากาศดี ๆ จะมองเห็นตัวเมือง Cape Town ได้ บางช่วงกระเช้าเฉียดภูเขาแค่ประมาณวาเศษ ๆ มองเห็นชั้นหินได้อย่างชัดเจนและหวาดเสียว
เมื่อกระเช้าขึ้นไปถึงสถานีบนยอดเขาก็ยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทางเดินและจุดชมวิวหลายแห่ง มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นไลออนส์ เฮด (Lion’s Head) สูงโดดเด่น ไกลออกไปเป็นเมืองเคปทาวน์และมหาสมุทร แอตแลนติก ทางทิศตะวันออกเป็น เดวิลส์ พีค (Devil’s Peak) ยอดเขาที่มีความสูง 3,281 ฟุต ทางใต้เป็นอ่าวโต๊ะหรือเทเบิ้ล เบย์ (Table Bay) แหลมกู้ดโฮป และเกาะร็อบเบน (Robben) สถานที่เคยคุมขังอดีตประธานาธิบดีเนลสัน เมนเดลา ฯลฯ ถ้าสภาพอากาศปลอดโปร่ง จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบ ๆ ประมาณ 200 กิโลเมตร บางครั้งจะปกคลุมด้วยหมอกและปุยเมฆเรียกว่าผ้าปูโต๊ะ (Table Cloth Cloud)
จุดที่สูงที่สุดบน Table Mountain ชื่อ Maclear’s Beacon หรือ ไฟสัญญาณของแมคเคลียร์ อยู่ทางด้านตะวันออก มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายรูปเยอะ ลักษณะเป็นกองหินที่สร้างขึ้นในปี 1865 โดยเซอร์ โทมัส แมคเคลียร์ (Sir Thomas Maclear) ขณะขึ้นมาสำรวจภูเขาโต๊ะ จุดนี้มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,086 เมตร (3,563 ฟุต)
Lion’s Head เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาโต๊ะและ Signal Hill ความสูง 2,195 ฟุต บริเวณชานเมืองของเคปทาวน์ก็ตั้งอยู่รอบๆ Lion’s Head และ Signal Hill ที่รอบทางลาดภูเขาเป็นสถานที่ตั้งหลุมศพและศาล (Kramats) ของอดีตผู้นำชาวมลายูที่อพยพมาอยู่ที่นี่ ชื่อ Lion’s Head ถูกเรียกครั้งแรกในสมัยศตวรรษที่ 17 เป็นภาษาดัชท์คำว่า Leeuwen Kop แปลว่าหัวสิงโต และเรียก Signal Hill ว่า Leeuwen Staart แปลว่าหางสิงโต เพราะลักษณะของภูเขาทั้งสองนี้มองรวมกันเหมือนสิงโตหรือสฟิงซ์ที่กำลังนอนหมอบอยู่
Signal Hill เป็นเนินเขาที่อยู่ติดกับ Lion’s Head สมัยก่อนเคยมีการใช้ตั้งธงเป็นสัญญาณบอกสภาพอากาศหรือคำเตือนสำหรับนักเดินเรือบริเวณอ่าว ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ใช้ตั้งปืนใหญ่เพื่อยิงบอกเวลาบ่ายโมง (Noon Gun) มีถนนเรียบไปจนถึงจุดสูงสุดของเนินเขา สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองเคปทาวน์ได้
ตามทางลาดของ Signal Hill เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวมลายู (Cape Malay Community) ที่อพยพมาอยู่ในเมืองเคปทาวน์เรียกว่าชุมชน Bo-Kaap ลักษณะเด่นคืออาคารบ้านเรือนสีสันสดใส มีมัสยิดที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1834 และพิพิธภัณฑ์ Bo-Kaap Museum จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ Cape Malay Community มีร้านขายอาหารสไตล์มลายู-แอฟริกัน หรือ Cape Malay Cuisine อยู่หลายร้าน ผมถูกพาไปกินที่ร้านชื่อดังอยู่บนเนินเขาชื่อร้าน Moon Gun ถนน Longmarket Street รสชาติแม้จะมีข้าวแบบบ้านเราด้วยแต่ก็ไม่ค่อยถูกปากนัก แต่บรรยากาศดีนั่งอยู่ในร้านมองเห็นภูเขาโต๊ะชัดเจน
มาที่นี่ก็ต้องลิ้มลองไวน์ของแอฟริกาใต้ด้วย ปัจจุบันไวน์ของประเทศนี้คุณภาพไม่แพ้ไวน์ยุโรป เพียงแต่ในบ้านเรามีนำเข้ามาน้อย ขณะที่หลายคนกล้า ๆ กลัว ๆ ของบอกว่าถ้าเจอที่ไหนชิมได้เลย ขอแนะนำที่มีขายในเมืองไทยและดื่มอร่อยคือ สปริงฟิลด์ เอสเตท (Springfield Estate) เป็นหนึ่งในจำนวนผู้ผลิตไวน์คุณภาพและเก่าแก่ใน Breede River Valley ประมาณ 90 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงเหนือของเคป ทาวน์ เจ้าของอพยพมาจากแคว้นลัวร์ (Loire) ในฝรั่งเศสเมื่อปี 1688 ทำไวน์มาถึงทายาทรุ่นที่ 5 อีกยี่ห้อหนึ่งคือ แฟร์วิว (Fairview) เจ้านี้ผลิตไวน์หลายรุ่นและมีลูกเล่นหลากหลาย…