Cîroc Vodka : ฝรั่งเศสไม่ได้เก่งแค่ไวน์

อีกหนึ่งค็อกเทลที่ใช้ Ciroc เป็นส่วนผสม

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Jean Sebastien Robicquet

Sean Diddy Combs หนึ่งในพรีเซ็นเตอร์ของ Ciroc

ค็อกเทล 3 รสชาติจาก Ciroc

ค็อกเทล Ciroc Blue

ค็อกเทลที่ใช้น้ำแตงโมกับ Cîroc

Diageo Reserve World Class Global Final 2013 - Day 5 - CIROC Party at Ushuaia

องุ่น Mauzac Blanc

องุ่น Ugni BlancOLYMPUS DIGITAL CAMERA
วอดก้า (Vodka) เป็นเหล้าที่สามารถผสมผสานกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ทุกชนิด เนื่องจากเป็นแอลกอฮอล์เกือบบริสุทธิ์ ซึ่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์นั้นจะช่วยเน้นรสชาติของสิ่งที่ผสมลงไปให้หอมหวนชวนดมและดื่มยิ่งขึ้น รวมทั้งเครื่องดื่มชื่อดัง ๆ อย่าง Screw Driver, Bloody Mary และ Vodka Martini เครื่องดื่มสุดโปรดของ เจมส์ บอนด์ ก็มีวอดก้าเป็นส่วนผสมหลัก เป็นต้น
ที่สำคัญวอดก้าได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทำให้เกิดอาการเมาค้างในวันรุ่งขึ้นได้น้อยที่สุดในบรรดาเหล้าทุกชนิด เพราะมีสารชื่อคอนจีเนอร์ (Congeners) อยู่น้อยมาก คอนจีเนอร์มีอยู่ในเหล้าทุกชนิด มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการต้มกลั่น สารตัวนี้มีอิทธิพลบังคับระบบประสาท ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อการดื่มแอลกอฮอล์ พูดง่าย ๆ แอลกอฮอล์ทำให้คุณเมา ขณะที่คอนจีเนอร์ทำให้คุณเละตุ้มเป๊ะ ถ้ามีมากย่อมเละและเลอะมาก เบอร์เบิร์นเป็นเหล้าที่มีคอนจีเนอร์มากที่สุดรองลงไปคือ แคนาดาวิสกี้ รัม บรั่นดี สก็อตวิสกี้ เบียร์ ไวน์ ยิน และวอดก้า เป็นต้น จะเห็นว่าว้อดก้าอยู่อันดับท้าย ๆ แม้ดีกรีจะสูงแต่การดื่มวอดก้าจึงแค่เมาธรรมดา ไม่ใช่เมาพิเศษชนิดที่เรียกว่าเละตุ้มเปะ
ในภาษารัสเซียวอดก้าแปลว่า “น้ำน้อย” เท่ากับว่าแอลกอฮอล์เยอะนั่นเอง โดยมีกฎข้อที่สำคัญคือต้อง “ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และไม่มีรส” กลั่นเสร็จแล้วต้องกรองด้วยถ่านบริสุทธิ์ ทรายควอตซ์ หรือไม้เบิร์ช แล้วแต่สูตรของแต่จะบริษัท จากนั้นนำมาเติมน้ำเพื่อให้ดีกรีเจือจางลงตามกฎเกณฑ์ที่ต้องการ แต่ความไม่น่าพิสมัยของคอเมรัยบางคนจากบุคลิกดังกล่าว กลับเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญยิ่งยวดของว้อดก้าที่สามารถผสมกับเหล้าได้ทุกชนิด
ตามผับในรัสเซียถ้ามีการดีดนิ้วชี้เบา ๆ ที่ก้านคอด้านข้าง แสดงว่าเขาชวนดื่มเหล้า ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก “วอดก้า” วัฒนธรรมรัสเซียไม่เคยถือว่าความเมาหรือคนเมา เป็นพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์หรือน่ารังเกียจแต่อย่างใด อย่างน้อยวอดก้าก็ทำให้ร่างกายของพวกเขาไม่แข็งตาย ยามที่ต้องเผชิญกับอุณหภูมิลดต่ำลงไปจนสิ่งมีชีวิตแทบจะทนไม่ได้
ซามูเอล คอลลินส์ ชาวอังกฤษเคยบันทึกไว้ในปี 1961 ว่า” สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นเจนตาอยู่เป็นประจำบนท้องถนนตั้งแต่เช้าจรดค่ำ คือชาวรัสเซียทั้งชายหญิง แม้แต่พระยังเดินตุปัดตุเป๋ไม่ตรงทางด้วยกันทั้งสิ้น” ซึ่งบ่งบอกถึงนิสัยใจคอการดื่มกินของอดีตเจ้าแห่งสังคมนิยมเป็นอย่างดี
วอดก้าผูกพันลึกซึ้งกับชีวิตและจิตใจของทั้งคนรัสเซียและประเทศรัสเซีย จนถูกขึ้นทะเบียนเป็นเหล้าประจำชาติในศตวรรษที่ 16 “สตาลิน” เคยกล่าวไว้ว่า “วอดก้านำมาซึ่งรายได้หลักของประเทศ การเลิกผลิตเหล้าวอดก้าเท่ากับการสูญเสียรายได้ก้อนมหึมา” อาจจะคล้าย ๆ แถวบ้านเรา “ผู้ใดทำไหปลาร้าแตก ผู้นั้นสมควรตายยังเขียด” อะไรทำนองนั้น
บางตำนานเล่าว่าวอดก้าถือกำเนิดในโปแลนด์เมื่อศตวรรษที่ 9 แล้วแพร่หลายไปในประเทศแถบยุโรปตะวันออก และรุ่งโรจน์มีชื่อเสียงที่ประเทศรัสเซียในศตวรรษที่ 14 เมื่อทูตสหราชอาณาจักรเดินทางสู่ไปมอสโก มีการต้อนรับด้วยวอดก้า จากนั้นวอดก้าก็ได้ยกในฐานะเป็นเครื่องดื่มประจำชาติชาติรัสเซีย ซึ่งต่อมาผลิตเพื่อการส่งออกด้วย ผู้รับซื้อชาติแรกที่ถูกบันทึกไว้คือประเทศสวีเดน มีการเซ็นสัญญาซื้อขายใน ค.ศ.1505 บางตำนานบอกว่าวอดก้าถูกพัฒนาในยุโรปตอนเหนือ รัสเซีย และโปแลนด์ ต่างคุยว่าตัวเองเป็นเจ้าตำรับ ต่อมามีสวีเดนอีกชาติหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มหัวแถว ปัจจุบันมีการผลิตทั่วโลกเช่น ยูเครน สวีเดน สหรัฐ อังกฤษ นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส ออสเตรีย เยอรมัน เอสโทเนีย เม็กซิโก สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ รวมทั้งไทย เป็นต้น แถมยังมีรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ว้อดก้ารสมะนาว ส้ม วานิลลา เครนเบอร์รี เสาวรส สตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รี พริก น้ำผึ้งผสมพริก เป็นต้น
ท่านที่มีโอกาสไปรัสเซีย ขอแนะนำให้แวะไปที่พิพิธภัณฑ์ วอดก้า (Vodka Museum) ในเมืองเซ็นต์ ปีเตอร์เบิร์ก (St. Petersburg) จะได้เห็นวิวัฒนาการของวอดก้าตั้งแต่สมัยโบราณ พร้อมวิถีชีวิตการดื่มวอดก้าของชาวรัสเซีย
สมัยที่ยังเป็นสังคมนิยม คนรัสเซียต้องเข้าแถวรอคิวซื้อวอดก้ากลางอากาศหนาวเหน็บ เมื่อซื้อมาแล้วก็แบ่งกันดื่ม ทุกคนจะมีแก้วประจำตัว วอดก้าคนละเป๊กตามด้วยขนมปังดำแบบรัสเซีย และเกลือนิดหน่อย แค่นั้นก็เป็นความสุขของคนรัสเซียยุคนั้น เหมือนเมืองไทยเหล้าขาว มะยม มะขามเปียก มะดัน และเกลือ เป็นสูตรจำต้องนิยมของคอสุราคนยาก ขณะที่วอดก้ากับคาเวียร์เป็นเมนูของบรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้น
วอดก้า (Vodka) เป็นนิวโทรส์ สปิริต (Neutral Spirit) คือ สุราที่มีความเป็นกลาง กล่าวคือ ไม่มีกลิ่น ไม่มีสีและไม่มีรส แต่วอดก้าราคาถูกอาจมีรสขมติดปลายลิ้นหรืออาจมีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตหลงเหลืออยู่ วอดก้าที่ทำจากข้าวสาลี (Wheat) และข้าวไรย์ (Rye) ถือเป็นวอดก้าระดับสุพีเรีย (Superior) ส่วนคุณภาพรอง ๆ ลงไปจะทำจาก มันฝรั่ง (potato) ข้าวโพด (Corn) และกากน้ำตาล (Mollasses) กรรมวิธีการผลิตเหล้าวอดก้า มีขั้นตอนคล้ายการผลิตวิสกี้ ส่วนที่แตกต่างคือ วอดก้าไม่มีการบ่มในถังไม้โอค (Maturing) และในการผลิตเหล้าวอดก้าจะมีขั้นตอนพิเศษกว่าเหล้าชนิดอื่นๆ คือมีการกรองผ่านถ่านไม้ชนิดหนึ่ง เรียกว่า ชาโคล (Charcoal) ขั้นตอนคือ
1. นำวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมาหมัก
2. นำไปกลั่น โดยกลั่นแบบต่อเนื่องเพื่อให้สุราที่ได้บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจของเหล้าวอดก้า
3. กรรมวิธีการกรอง จะใช้ถ่านไม้บริสุทธิ์มาเป็นตัวกรองจนได้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จะเติมน้ำบริสุทธิ์เพื่อปรับแรงแอลกอฮอล์ตามต้องการ ก่อนบรรจุภาชนะออกจำหน่าย วอดก้า เป็นเหล้าเมืองหนาว ดังนั้นจะดื่มให้อร่อยต้องดื่มแบบเย็นเฉียบ ไม่ผิดแถมยังจะได้รสชาติดีถ้าจะนำวอดก้าเข้าไปแช่ในช่องแช่แข็ง และไม่ต้องกลัวว่าวอดก้าจะเป็นน้ำแข็งจนขวดระเบิด เพราะวอดก้ามีจุดเยือกแข็งที่ต่ำกว่าน้ำ
ในบ้านเราวอดก้ากว่า 90 % มาจากอดีตเครือสหภาพโซเวียตหรือประเทศคอมมิวนิสต์ และประเทศย่านสแกนดิเนเวียน ซึ่งล้วนแต่เป็นดินแดนที่อากาศเยือนเย็น จนหลายคนคิดว่าวอดก้าคุณภาพดีต้องมาจากประเทศดังกลาว จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายชาติที่สามารถผลิตวอดก้าได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในจำนวนนั้นคือฝรั่งเศส ซึ่งที่ผ่านมามักจะรู้จักกันในนามประเทศที่ผลิตไวน์ยอดเยี่ยม
“ซีรอค” (Cîroc) เป็นวอดก้ายี่ห้อหนึ่งของฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ในเครือของดีอาจิโอ (Diageo) ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก และบอกว่ามีความพิเศษเหนือวอดก้าอื่น ๆ เพราะกลั่นจากองุ่น ขณะที่วอดก้าอื่น ๆ กลั่นจากมันฝรั่ง ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวโพด เป็นต้น แน่นอนกลิ่นและรสชาติย่อมแตกต่างกัน
ผมได้พบกับฌอง เซบาสเตียน โรบิเกต์ (Jean Sebastien Robicquet) ครั้งแรกในฐานะมือกลั่นหรือ Master Distiller ตัวจริงเสียงแท้ของ Cîroc Vodka บนเรือสำราญ Azamara สถานที่จัดการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ชิงแชมป์โลก Diageo Reserve World Class Global Finals 2013 ที่บริษัท Diageo เป็นหัวเรือใหญ่ ในงานเดียวกันยังมีการจัดงานแนะนำ Cîroc Vodka บนยอดตึก Ushuaia ใน Ibiza ทำให้หลายคนรู้จักวอดก้ายี่ห้อนี้ดีขึ้น
Jean Sebastien Robicquet บอกว่ากระบวนการกลั่น Cîroc vodka เรียกว่า “snap frost” โดยกลั่นจากองุ่นมาอูแซค บลอง (Mauzac Blanc) จากเขต Gaillac และองุ่นอูญี บลอง (Ugni Blanc) จากเขต Cognac ซึ่งเป็นแหล่งผลิตบรั่นดีคุณภาพเยี่ยม ที่สำคัญก็คือกลั่นถึง 5 ครั้ง แบ่งเป็น 4 ครั้งแรกกลั่นอูญี บลอง ได้แอลกอฮอล์ 96.5 % ขณะมาอูแซค บลอง กลั่นอย่างต่อเนื่องในหม้อกลั่นทองแดง ได้แอลกอฮอล์ 93.5 % จากนั้นเบลนด์เข้าด้วยกันด้วยอัตราส่วน อูญี บลอง 5% ที่เหลือเป็นมาอูแซค บลอง แล้วกลั่นซำ้ด้วยหม้อกลั่นทองแดงที่ใช้กลั่นอาร์มาญัค (Armagnac)
ดูกระบวนการกลั่น Cîroc vodka คร่าว ๆ แล้วต้องเรียกว่าไม่ธรรมจริง ๆ ประกอบกับฝีมือของ Jean Sebastien Robicquet นั้นอยู่ในสายเลือดของชาวคอนยัคอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นบรั่นดีจากเขตนี้คงไม่โด่งดังไปทั่วโลกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
การเทียบชั้นกับบรั่นดีคุณภาพเยี่ยม ทำให้ Cîroc vodka ถูกจัดอยู่ใน Ultra Premium Vodka เป็นที่ชื่นชอบของบุคคลสำคัญและมีช่ือเสียงในหลายวงการ รวมทั้งเป็นเครื่องดื่มสนับสนุนการประกวดหรือแข่งขันรายการใหญ่ ๆ มากมาย ขณะเดียวกันยังใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายวงการมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หนึ่งในจำนวนนั้นคือนักร้องฮิบฮอบชื่อดัง Sean “Diddy” Combs
Cîroc vodka สามารถดื่มได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเพียวที่ให้รสชาตินุ่มละมุนต่างจากวอดก้าที่ทำจากมันฝรั่งหรือข้าวต่าง ๆ ขณะที่ใช้เป็นส่วนผสมของค็อกเทลสูตรแคลซสิคก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ในการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ World Class ผมได้ชิมค็อกเทลกว่า 30 สูตรจากผู้เข้าแข่งขันประมาณ 20 คน (จากทั้งหมด 44) พบว่า Cîroc vodka มีอะไรมากมายกว่าคำว่าวอดก้า บาร์เทนเดอร์บางคนใช้ส่วนผสมที่เป็นเครื่องเทศและสมุนไพรพื้นเมืองมาผสมด้วยลงอย่าลงตัว ขณะที่หลายคนใช้ส่วนผสมนานาชนิดที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“It will leave you breathless….”
เมื่อดื่มวอดก้าแล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ” คอวอดก้าเขาว่าอย่างนั้น…..!!!!

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...