“Glengoyne” หนึ่งในยอดซิงเกิล มอลต์

“There can be no better place on earth to sit and take a glass of malt whisky”Richard Grindal, The Spirit of Whisky

“Glengoyne’s is a rich and colourful story that will capture the imagination of whisky aficionados near and far. All the right incredients are here to be enjoyed.”…..Derek Cooper,Guide to Whiskies of Scotland

ส่วนหนึ่งของคำชื่นชม “เกลนกอยน์” (Glengoyne) สุดยอดซิงเกิล มอลต์ ตัวหนึ่งของสกอตแลนด์และของโลก ซึ่งชื่อมีตำนานมาจากคำว่า Glen Guin หมายถึง  “Glen of the Wild Geese” หรือ “หุบเขาแห่งเป็ดป่า” เนื่องจากอาณาบริเวณนี้ในอดีตเป็นไปด้วยห่านป่านั่นเอง

Glengoyne Distillery ได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงกลั่นซิงเกิล มอลต์ ที่มีตำนาน มีความงดงาม (most beautiful distillery in Scotland) และน่าไปเยือนแห่งหนึ่งของโลก ถือกำเนิดในปี 1833 ณ หมู่บ้านดัมกอยน์ (Dumgoyne) ทางเหนือของเมืองกลาสโกว์ (Glasgow) ประเทศสกอตแลนด์ ถ้านับในเรื่องของเขตผลิตซิงเกิล มอลต์ ก็อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไฮแลนด์ (Highland) ตอนนั้นชื่อ Burnfoot distillery ผู้ก่อตั้งคือ George Connell

ต่อมา Burnfoot distillery ตกเป็นของ Archiball G. MacLellen กระทั่งปี 1876 ถูกขายให้กับกลุ่ม Lang Brothers ซึ่งตั้งใจจะใช้ชื่อ Glengoyne แต่เสมียนเกิดเขียนผิดเป็น Glen Guin กระทั่งราวปี 1894-1895 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Glengoyne ดังกล่าว ปี 1965 บริษัท Robertson & Baxter Group (Edrington group) เข้ามาซื้อกิจการ

เดือนเมษายน 2003 Ian Macleod Distillers Ltd. เข้ามาเป็นเจ้าของ Glengoyne Distillery จนถึงปัจจุบัน โกดังเก็บวิสกี้ที่สร้างโดย George Connell ยังถูกรักษาไว้จนกระทั่งทุกวันนี้ ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านขายของ (Glengoyne Shop) และต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน ซึ่งตกประมาณปีละ 35,000 คน

ปัจจุบันกำลังผลิต Glengoyne ปีละประมาณ 4.5 ล้านขวด สูตรเด็ดเคล็ดลับอย่างหนึ่งของ Glengoyne ใช้บาร์เลย์ที่เรียกว่า Golden Promise Barley ซึ่งผลผลิตต่ำแต่คุณภาพดีเยี่ยม เมื่อนำมาเป็นมอลต์ (malt) ก็ใช้วิธีเป่าลมให้แห้ง (warm air) ไม่ใช้วิธีการผ่านการอบด้วยถ่านหิน (peat) เหมือนรายอื่น ๆ จึงทำให้ Glengoyne ไม่มีกลิ่นของ peat และกลิ่นควัน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกันคือคำว่า “ซิงเกิล มอลต์” (Single Malt) ซึ่งความหมายในเบื้องต้นคือ….วิสกี้ที่หมักและกลั่นจากมอลต์ของข้าวบาร์เลย์ (malted barley) หรือการเพาะข้าวบาร์เลย์ให้งอกเป็นมอลต์ล้วนๆ….แต่ 2 คำ Single กับ Malt มีความหมายมากกว่านั้น

“Single” หมายความว่าทุกหยาดหยดของมอลต์ในขวด มาจากโรงกลั่นเดียว (single distillery) เท่านั้น แต่ถ้าผสมกันหลายโรงกลั่นจะเรียกว่า blended malt,vatted malt หรือ pure malt

“Malt” หมายความว่าวิสกี้นั้นต้องทำจากมอลต์ (malted) ของธัญพืชล้วน ๆ โดยธัญพืชในโลกนี้ไช่ว่าจะสามารถทำมอลต์ได้ ที่ทำได้ดีคือข้าวไรย์ (Rye) ข้าวสาลี (Wheat) และข้าวบาร์เลย์ (Barley) แต่ถ้าเป็น Single Malt Scotch Whisky ต้องเป็น Barley เท่านั้น

จริง ๆ แล้ว Single Malt มีการผลิตกันทั่วโลก แต่ความขลังและศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่สกอตแลนด์ ดังนั้นตัวจริงเสียงจริง ข้างขวดต้องมีคำว่า  “Single Malt Scotch Whisky นั่นหมายความว่าต้องทำจาก malted barley ล้วน ๆ (สามารถเติมคาราเมลแต่งสีได้) ต้องกลั่นแบบสองครั้งหรือแบบกลั่นทับ (pot still) อันเป็นวิธีกลั่นที่จะสงวนกลิ่นรสของข้าวมอลต์เอาไว้ได้ดีที่สุด สุดท้ายต้องบ่มในถังไม้โอคอย่างน้อย 3 ปี (แต่ส่วนใหญ่บ่มนานกว่านี้) และถังโอคนั้นต้องมีความจุเกิน 700 ลิตร เป็นต้น

อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือกลิ่น รสชาติ และความยาวในตอนจบ  (Aroma,Flavour,Finish) ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต ซึ่งประกอบด้วย 4 พื้นที่คือ 1.Highland Single Malts (มี 2 เขตย่อยคือ Island Single Malts เขตย่อยของ Highland และ Speyside Single Malts ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Highland) 2.Islay Single Malts 3.Lowland Single Malts  และ 4.Campbeltown Single Malts

การดื่ม Single Malt ให้ได้อรรถรสอย่างแท้จริงนั้น กูรูแนะว่าควรดื่มแบบเพียว ๆ หรือใส่น้ำแข็งเล็กน้อย ไม่ควรเติมมิกเซอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นน้ำเปล่าเพียงเล็กน้อย ถ้าได้น้ำแร่จะดีมาก ที่สำคัญการใส่น้ำสปาร์กกลิ้ง โซดา และโคคา โคลา ลงไป เป็นการทำลายรสชาติ Single Malt จนหมดสิ้น

สำหรับรุ่นที่มีขายในเมืองไทยมีดังนี้โรงกลั่น Ten Years 1972 21 years Td26Nov4 12 years malt สีสันชวนดื่ม เจ้าจของและผู้บริหาร Ambrose

Glengoyne 10 Years : ได้รับรางวัลชนะเลิศในงาน San Francisco World Spirits Competition 2007 บ่ม 10 ปีในถังไม้โอคจากสเปนและอเมริกา (บางปีใช้ถังเชอร์รี)…สีเหลืองทอง ดมครั้งแรกได้กลิ่นข้าวโพดอบหรือป๊อบคอร์น อัลมอนด์ ทอฟฟี่แอปเปิ้ลเขียว คาราเมลกรุ่น ๆ รสชาติเมื่อกลืนมีแอปเปิ้ลเขียวสด ๆ ที่โดดเด่น พร้อมกับหญ้าสด ๆ ชะเอมเทศ และสไปซีนิด ๆ จบค่อนข้างยาวด้วยอัลมอนด์ และมอลต์หอมกรุ่น เมื่อเติมน้ำลงไปเล็กน้อยมีกลิ่นอัลมอนด์ น้ำมันเมล็ดพืช และรสชาติหวาน ๆ ตัวนี้เสิร์ฟกับ Scottish Salmon Combination Smoked,Marinated,Rolled หลังจากนั้นเขามี Barley Soup Brunois,Chives คั่นรายการ ผมเอา Glengoyne 10 Years มาจับคู่กันก็ไม่เลว

Glengoyne 12  Years : ตัวนี้บ่มในถังไม้โอคและถังที่ผ่านการบ่มเบอร์เบินมาแล้ว (บางปีบ่มใช้ถังเชอร์รี)…สีเหลืองทองสดใส ดมครั้งแรกมีกลิ่นมอลต์อบ น้ำผึ้ง น้ำมันมะพร้าว และมะนาว รสชาติหลังจากกลืนมีแอปเปิ้ลทอฟฟี่ที่โดดเด่น พร้อมทั้งอบเชย เผ็ด ๆ ซ่า ๆ และน้ำผึ้งผสมคาราเมล เมื่อเติมน้ำเล็กน้อยมีกลิ่นขิงดีดตัวขึ้นมา พร้อมด้วยเปลือกส้ม และขนมปังอบ จบยาวด้วยเชอร์รี สไปซี และโอคกรุ่น ๆ เป็นรุ่นที่ Glengoyne แนะนำเป็นพิเศษ เสิร์ฟกับ Solf Polenta Reggiano Parmesan,Black Truffle

Glengoyne 17 Years : ตัวนี้ยอดเยี่ยมมาก ได้ 2 เหรียญทองในงาน  San Francisco World Spirits Competition จากรายการอื่นอีก 3 เหรียญทอง และได้รับการโหวตให้เป็น World’s Best Single Highland Malt ในงาน “Best of the Best” whisky tasting จัดโดย Whisky Magazine ….สีเหลืองทองค่อนข้างเข้ม ดมครั้งแรกหอมกลิ่นผลไม้อบอวลมาก เช่นแอปเปิ้ลสุก เชอร์รี ลูกเกด แพร์สุก และกลีบส้มเชื่อม พร้อมทั้งน้ำผึ้ง เฮิร์บ หลังจากกลืนมีทั้งอัลมอนด์ มอลต์ แอปเปิ้ล เปลือกส้ม อบเชย และน้ำผึ้ง กลิ่นโอคค่อนข้างหนักแน่น เมื่อเติมน้ำมีกลิ่นวานิลลา และแพร์สุก ๆ จบอ้อยอิ่งยาวนานด้วยสไปซีโอค ฟูลบอดี้ ….จับคู่กับ Roasted Veal Tenderloin Smoked Ham,Potato Gratin,Caramelized Pumpkin

Glengoyne 21 Years : ตัวนี้ได้รับ 4 รางวัลจากงาน Scottish Whisky Challenge และ San Francisco World Spirits Competition บ่มถึง 21 ปี และเจ้าของบอกว่าเป็นเจ้าแรกในยุโรปที่บ่มในถังเชอร์รี 100 % สีเหลืองเข้มจนออกไปทางทองแดง ดมครั้งแรกได้กลิ่นขนมปังอบค่อนข้างโดดเด่น พร้อมทั้งแอปเปิ้ลทอฟฟี เชอร์รี น้ำผึ้ง และเฮิร์บ หลังจากกลืนมีโอค เชอร์รี น้ำผึ้ง และอบเชย สไปซีกรุ่น ๆ เมื่อเติมน้ำมีกลิ่นคาราเมล อบเชย และวานิลา จบยาวเนิ่นนานด้วยเชอร์รี อบเชย สไปซีแบบนุ่มนวลเนียน …จับคู่กับ Sticky Toffee Pudding Honey Comb Ice Cream

Glengoyne Vintage 1972 : เป็นตัวปิดท้ายที่เจ้าของหิ้วมาเอง ไม่มีขายในเมืองไทย เป็นรุ่น ‘super-premium’ บ่มในถังโอคถึง 35 ปี สีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ ดมครั้งแรกมีกลิ่นดอกไม้ พีช สับปะรด และเมลอน ขณะที่กลืนมีสไปซี่ เชอร์รี คาราเมล กาแฟ และอบเชยสไปซี จบยาวนานด้วยผลไม้สุก และสไปซี ราคาที่อังกฤษประมาณ 300 ปอนด์

ท่านที่อยากพิสูจน์ Glengoyne รสชาติที่แท้จริงของ “Single Malt Scotch Whiskyสอบถามที่ผู้นำเข้า บริษัท Ambrose Wine & Spirits จำกัด โทร.02 714 2531 – 40

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...