“ซูเปอร์ ทัสกัน” หรือ “ซูเปอร์ ทุสกัน” (Super Tuscans) ซึ่งเพิ่งเป็นที่รู้จักในบ้านเราไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความหมายโดยหลัก ๆ คือไวน์อิตาลีที่ผลิตในแคว้นทัสกานี (Tuscany) ในช่วงทศวรรษที่ 50 ในสไตล์ไวน์บอร์กโดซ์ (Bordeaux) ใช้องุ่นสายพันธุ์คลาสสิคจากฝรั่งเศสที่นำมาปลูกในประเทศอิตาลี
เตนูตา เซตเต ปอนติ (Tenuta Sette Ponti) แห่งตำบลกาสติโญน ฟิบ็อคคี (Comune di Castiglion Fibocchi) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ Super Tuscan ระดับคุณภาพเจ้าหนึ่งในทัสกานี ตั้งอยู่ใจกลางของเคียนติ (Chianti) ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์แห่งการทำไวน์ของแคว้นทัสคานี (Tuscany) เจ้าของคือตระกูล Moretti หลังจาก Alberto Moretti ซื้อพื้นที่ 50 เฮกตาร์ มาจากเจ้าหญิง Margherita และ Maria Cristina Savoia d’Aosta ในปี 1950
ชื่อของ Tenuta Sette Ponti นำมาจากจำนวนความโค้งของสะพานข้ามแม่น้ำ Arno ที่เชื่อมอาเรซโซ (Arezzo) กับฟลอเรนซ์ (Florence) ประกอบด้วย 7 โค้งสะพาน โดยโค้งแรกมีชื่อว่า The Buriano Bridge ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ที่สำคัญก็คือสะพานนี้เป็นแบล็คกราวด์ด้านหลังภาพโมนา ลิซา ที่โด่งดังของดา วินชี เป็นความลงตัวของแฟชั่น ไวน์และศิลปะอย่างแท้จริง
The Tenuta Sette Ponti มีพื้นที่ปลูกองุ่นรวมทั้งสิ้น 330 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) จาก 4 พื้นที่ โดยไร่ที่เก่าแก่ที่สุดชื่อ Vigna dell’Impero หมายถึง Vineyard of the Empire ขนาดแค่ 3 เฮกตาร์ ปลูกองุ่นมาตั้งแต่ปี 1935 ส่วนใหญ่เป็นซานโจเวเซ (Sangiovese) กระบวนการทุกอย่างทำด้วยมือ ผลิตไวน์ออกสู่ท้องตลาดครั้งแรกคือรุ่น Crognolo วินเทจ 1998
ผู้บริหารในปัจจุบันคืออันโตนิโอ มอเรตติ (Antonio Moretti) รับช่วงจากพ่อของเขา และทำอย่างจริงจังมีการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยพัฒนาการทำไวน์ เช่น Gilbert Bouvet หนึ่งในยอดฝีมือในการปลูกองุ่นทำไวน์ของฝรั่งเศส ส่วนอีกคนชื่อ Dr.Benedetto d’Anna ดูแลเรื่องการเตรียมพื้นดินสำหรับปลูกองุ่นรุ่นใหม่ ๆ และระบบระบายน้ำให้สมดุลกับธรรมชาติและดิน เป็นต้น
จากนั้นในปี 1999 จึงซื้อไร่แห่งที่ 2 พื้นที่ 115 เอเคอร์ ชื่อ Azienda Agricola Le Fornace ใน Maremma ซึ่งอยู่ชายขอบด้านใต้ของแคว้นทัสกานี ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ DOC ภายใต้ชื่อ Azienda Agricola Poggio al Lupo หรือ “Hill of the Wolf” ปัจจุบันปลูกองุ่นซานโจเวเซ (Sangiovese) 40% กาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 35% อลิกันเต (Alicante) 15% ที่เหลือเป็นเปติต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) ปี 2000 ซื้อไร่ที่ 3 ในเขตโนโต (Noto) ขนาด 250 เอเคอร์บนเกาะซิซิลี และตั้งชื่อว่า Feudo Maccari หลังจากทุกอย่างลงตัว ปัจจุบันเขามอบหน้าที่ให้กับลูก ๆ 3 คนดูและกิจการ
เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัท G4 ผู้นำเข้าไวน์ตัวนี้อย่างเป็นทางการ ได้จัดแนะนำไวน์ในเครือ Tenuta Sette Ponti ประมาณ 3-4 รุ่นที่ร้าน Lenzi ซึ่งเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่กำลังดังในขณะนี้ โดยมีคิอารา บอร์คี (Chiara Borchi) ผู้จัดการฝ่ายส่งออกเดินทางมาแนะนำไวน์ ไฮไลท์อยู่ที่ “Oreno” วินเทจล่าสุดคือ 2011
เตนูตา เซตเต ปอนติ “กรอโญโล” ตอสกานา ไอจีที 2012 (Tenuta Sette Ponti “Crognolo” Toscana IGT 2012) : วินเทจนี้ทำจาก Sangiovese 90% และMerlot 10% บ่ม 14 เดือนในถังโอคฝรั่งเศส และ 5-6 เดือนในขวด…สีแดงทับทิมเข้ม กลิ่นหอมผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี พลัม และบลูเบอร์รี ตามด้วยสไปซี เฮิร์บ จันทร์เทศ อบเชย แอซสิดค่อนข้างสูงดื่มแล้วสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้และสไปซี เฮิร์บชุ่ม ๆ คอ
จับคู่กับ Uovo in Camicia,Biroldo Della Garfagnan su Crostone di Pane เป็น Poached Egg,Chard,Grilled Bread & Blood Pudding Ham จากฟาร์มของตระกูล Lenzi เจ้าของร้าน ปกติ Poached Egg จับคู่กับไวน์ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะไวน์ขาวที่ต้องแช่เย็น ไข่แดงเมื่อเจอความเย็นจะแข็งตัวและคาว แม้แต่ไวน์แดงก็ตาม แต่จุดเปลี่ยนของเมนูนี้คือขนมปังและแฮมที่ช่วยลดความคาวของไข่ลงจนได้ความกลมกล่อม ประกอบกับไวน์แดงตัวนี้แอซสิดและแทนนินค่อนข้างสูงสามารถควบคุมความคาวของไข่ได้ดี
เตนูตา เซตเต ปอนติ “วิญา เดล ลิมเปโร” ตอสกานา ไอจีที 2012 (Tenuta Sette Ponti “Vigna dell’Impero” Toscana IGT 2012) : ตัวนี้ทำจาก Sangiovese 100% สีแดงเข้ม กลิ่นหนังสัตว์และยาสูบค่อนข้างโดดเด่น มิเนอรัลค่อนข้างสูง ส่วนผลไม้มีแบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และบลูเบอร์รี ดอกไม้ป่า ไวโอเลต ขนมตาร์ท แทนนินหนักแน่นและเนียน จบยาวด้วยผลไม้สุก และมิเนอรัล
จับคู่กับ Risotto Taleggio e Tartufo หรือ Risotto with Taleggio cheese in Truffle Sauce คู่นี้เข้ากันได้แนบเนียนกว่าคู่แรกด้วยซ้ำไป องุ่น Sangiovese ที่แอซสิดค่อนข้างสูงเจอกับแป้งข้าวริซอตโตกลายเป็นความหวาน ส่งเสริมด้วยทรัฟเฟิลและ Taleggio ชีสนมวัวจากแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) ของอิตาลี ซึ่งปกติจะเข้ากับองุ่นเนบบิโอโล (Nebbiolo) ได้ดี
เตนูตา เซตเต ปอนติ “ออเรโน” ตอสกานา ไอจีที 2011 (Tenuta Sette Ponti “Oreno” Toscana IGT 2011) : มาถึงตัวทอปของบริษัทนี้ ทำจาก Merlot 45%, Cabernet Sauvignon 40% และ Petit Verdot 15% บ่ม 18 เดือนในถังบาริกฝรั่งเศสใหม่ ตามด้วยบ่มในขวดอีก 12 เดือน สีแดงเข้มพร้อมประกายทับทิมสดใส กลิ่นผลไม้ที่ดมแล้วเตะจมูกในครั้งแรกคือแบล็คเบอร์รีและสไปซี ตามด้วยพลัม แบล็คเคอร์แรนท์ และราสพ์เบอร์รี มิเนอรัล ชอกโกแลต โอคหอมหวาน แทนนินหนักแน่นแต่เริ่มจะนุ่มเนียน แอซสิดสูง ยังไม่เปิดตัวเท่าใดนัก น่าจะอีกประมาณ 5-6 ปี
เตนูตา เซตเต ปอนติ “ออเรโน” ตอสกานา ไอจีที 2004 (Tenuta Sette Ponti “Oreno” Toscana IGT 2004) : ทำจาก Merlot,Cabernet Sauvignon และ Sangiovese ในอัตรา 50-25-25 ตามลำดับ กำลังดื่มอร่อยมาก สีแดงเข้ม กลิ่นโอคหอมหวาน พร้อมผลไม้สุก เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี เชอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ และพรุน เอสเปรสโซ ซีดาร์ ครีมมี เฮิร์บ สไปซี แทนนินหนักแน่นแต่เริ่มนุ่มเนียน จบยาวด้วยผลไม้สุก เฮิร์บ และครีมมี
ทั้ง 2 วินเทจนี้จับคู่กับ Spezzatino con Patate alla Toscana หรือ Stew USDA Prime Rib-Eye with Potatoes&Tomato Sauce เนื้อริบอายซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่ติดอยู่กับซี่โครง จากสหรัฐตุ๋นจนนุ่มเนียน พร้อมซอสมันฝรั่งและมะเขือเทศ คู่นี้วินเทจ 2004 ซึ่งสุกพร้อมดื่ม แทนนินสุกหอมหวานเข้ากับเนื้อที่นุ่มและซอสหอมหวาน เข้ากับอาหารได้แนบเนียนกว่าวินเทจ 2011 ที่ยังค่อนข้างดิบ แทนนินสูง แอซสิดสูง เมื่อเจออาหารแล้วแยกกันคนละทางทั้งไวน์และอาหาร
“Oreno” เป็นหนึ่งในซูเปอร์ ทัสกัน คุณภาพระดับคลาสสิค ถ้ามีโอกาสไม่ควรพลาด ขณะที่มื้อนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ความจริงได้อีกครั้งว่า “ไม่มีไวน์ชาติใด จะเข้ากับอาหารอิตาลีได้ดีเท่ากับไวน์อิตาลี”