“กลาสโกว์”
ลิ้มรสเนื้อ Angus
สกอตแลนด์ (Scotland) สำหรับคนไทยและอาจจะส่วนใหญ่ของโลก ที่รู้จักกันดีคือ Scotch Whisky วิสกี้ที่นิยมกันมากที่สุดในโลก เป็นอีกดินแดนหนึ่งที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ อาหารการกิน และเทคโนโลยี สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
อย่างไรก็ตามคนสกอตบอกว่า…ไปสกอตแลนด์ถ้าไม่ได้แวะกลาสโกว์ (Glasgow) ถือว่ายังไม่ถึงสกอตแลนด์… เพราะนี่คือเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสกอตแลนด์ เป็นศูนย์กลางของวิชาการและศิลปะวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ ที่ย้อนไปหลายพันปีเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้อย่างลงตัว
Glasgow ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเฉียงลงไปทางใต้เล็กน้อย คนไทยรู้จักกลาสโกว์เนื่องจากมีทีมฟุตบอลชื่อดัง 2 ทีมเป็นคู่แข่งร่วมเมืองคือกลาสโกว์ แรนเจอร์ กับกลาสโกว์ เซลติก รวมทั้งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผจก.คนดังของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เกิดที่เมืองนี้
ชาวกลาสโกว์ หรือกลาสวีเจี้ยน มักจะบอกว่า…เมื่อเทียบกับเอดินบะระเมืองหลวงแล้ว กลาสโกว์มีความเป็นสกอตแลนด์มากกว่า เพราะเอดินเบอระทันสมัยจนแทบไม่เหลือสไตล์สกอตแลนด์แบบบ้านนอก
กลาสโกว์สำหรับลูกประดู่ไทยจะรู้กันดีว่ากองทัพเรือได้ลงนามให้บริษัทยาร์โรว์ เมืองกลาสโกว์ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2512 เพื่อต่อเรือรบหลวงมกุฏราชกุมาร (ลำที่ 2) ซึ่งเป็นเรือฟริเกตติดอาวุธนำวิถีลำแรกของราชนาวีไทย ปลดระวางในปี 2516 ขณะที่สมัยรัชการที่ 5 ก็สั่งต่อเรือบรรจุชโลธร (ลำที่2) ที่อู่แบล็ควู้ดกอร์ดอน เมืองกลาสโกว์ เป็นต้น
บูคานัน สตรีท (Buchanan Street) เป็นถนนสายชอปปิ้งของเมือง เป็นถนนคนเดินที่กว้างขวาง มีร้านรวงให้เลือกชอปปิ้งเยอะแยะถ้าสู้เงินปอนด์ไหว แต่ถ้าอยากชมเมืองกลาสโกว์แบบพาโนรามา ก็ขึ้นไปที่ชั้น 6 ของตึก The Lighthouse เป็นตึกที่แสดงผลงานของนายแมคอินทอช (McIntoch) สถาปนิกชื่อดังของกลาสโกว์ ซึ่งออกแบบอาคารหลายแห่งในเมือนี้ ในแผนที่นำเที่ยวต่าง ๆ จะมีอักษร M กำกับไว้ให้รู้ว่าตึกนี้นาย McIntoch เป็นผู้ออกแบบ
ร้านอาหารที่ขอแนะนำชื่อ ยูบิควิตูส ชิพ (Ubiquitous Chip) ที่ถนนแอชตัน เลน กลาสโกว์ (Ashton Lane Glasgow G12 8SJ) หรือย่าน West End เป็นร้านอาหารที่สุดยอดร้านหนึ่งในกลาสโกว์ ถ้าไปพักที่โรงแรมฮิลตันสามารถเดินไปได้ประมาณ 10 นาทีก็ถึง แต่ถ้าต้องการสัมผัสแสงสียามค่ำคืน ฝั่งตรงข้ามโรงแรมมีโบสถ์เก่าที่ถูกตกแต่งเป็นผับได้บรรยากาศพิลึกไปอีกแบบ คืนนั้นผมยังถูกชวนให้ใส่กระโปรงลายสก๊อตที่เรียกว่า “คิลต์” (Kilt) ไปท่องราตรี ตอนแรกรู้สึกเขิน ๆ แต่เมื่อเข้าไปในผับแห่งนั้นแล้ว ผู้ชายกว่าครึ่งใส่กระโปรงลวดลายต่าง ๆ ค่อยอุ่นใจและมั่นใจขึ้นเยอะ
ร้าน Ubiquitous Chip ตกแต่งแบบชนบทผสานกับในเมือง ก่อตั้งในปี 1971 เคยได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายรวมทั้งร้านอาหารยอดเยี่ยมของสกอตแลนด์ เมนูมีให้เลือกครบครัน แต่จานที่ไปแล้วไม่สั่งถือว่าไม่ถึงสกอตแลนด์คือสเต็กอะเบอร์ดีน แองกัส (Aberdeen Angus) เนื้อคุณภาพเยี่ยมของสกอตแลนด์ ที่คอสเต็กตัวจริงเสียงจริงแค่ได้ยินชื่อก็นำลายสอ
ร้านนี้เสิร์ฟอะเบอร์ดีน แองกัส 2-3 แบบ เซ็ตมื้อกลางวัน 2 คอร์สรวมกาแฟและของหวาน 22.80 ปอนด์ ถ้า 3 คอร์สรวมกาแฟและของหวานคิด 28.65 ปอนด์ แต่จานหลักใครสั่ง Aberdeen Angus Fillet Steak au Poivre,Stovies,Wild Mushrooms and Red Chard บวกเพิ่มอีก 9 ปอนด์ ส่วนดินเนอร์ 2 คอร์ส 33.80 ปอนด์ 3 คอร์ส 38.95 ปอนด์
ถ้าจะกินอะเบอร์ดีนแองกัสมีให้เลือก 2 แบบ ๆ แรก Aberdeen Angus Steak,Stovies,Wild Mushroom and Red Chard จะไม่บวกเพิ่ม แต่ถ้าสั่ง Aberdeen Angus Fillet Steak au Poivre,Stovies and Wild Mushrooms บวก 9 ปอนด์ ใครไม่กินเนื้อก็มี Grey Mullet ปลากระบอกเนื้อขาวจั๊วให้เลือก แซลมอนของที่นี่ก็เยี่ยม
Aberdeen Angus หรือแองกัส (Angus) เป็นโคสายพันธุ์หนึ่งที่กำเนิดในต้นคริสศตวรรษที่ 18 โดยสร้างและปรับปรุงพันธุ์จากสายพันธุ์ต่างๆ ในเขตอเบอร์ดีนและเขตแองกัสทางตะวันออกเฉียงเหนือของสก๊อตแลนด์
ส่วนใหญ่จะไม่มีเขา ขณะที่หนังและขนสีดำ หัวเล็กและยาวปานกลาง หัวด้านบนกว้าง จมูกกว้าง ลำตัวยาวและลึก เนื้อสันนอกกว้างและส่วนหลังยาว กว้าง ขาค่อนข้างสั้น และกระดูกค่อนข้างเล็ก พ่อโคหนัก 1,000 – 1,600 กิโลกรัม แม่โคหนัก 700 – 900 กิโลกรัม
ประมาณปี พ.ศ. 2508 – 2513 โคแองกัสได้ถูกปรับปรุงให้มีรูปร่างยาวและมีเนื้อมากขึ้นตามลักษณะโคเนื้อแผนใหม่ ปัจจุบันโคพันธุ์นี้มีชื่อเสียงทางด้านโตเต็มวัยเร็ว เป็นโคที่มีขนาดกลาง มีน้ำหนักแรกเกิดเฉลี่ย 30 – 33 กิโลกรัม ที่สำคัญเนื้อแดงคุณภาพเยี่ยมราคาสูง
มีฟาร์มเลี้ยง Aberdeen Angus มากมายในสกอตแลนด์ พร้อมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงวัวสายพันธุ์นี้ ที่สำคัญมีการประกวด Aberdeen Angus กันเป็นประจำ วัวที่ชนะเลิศจะถูกเก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์ หรือไม่ก็ประมูลขาย แน่นอนราคามหาศาล…