นวัตกรรมค็อกเทลครั้งแรกของโลก
แวดวงเครื่องดื่มในเมืองไทยพัฒนาก้าวไกลจริง ๆ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มประเภทค็อกเทล ที่ก้าวไกลไปถึงระดับโลก บาร์เทนเดอร์ของไทยไปแสดงความสามารถจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ได้ไปพบไปเห็นโลกที่กว้างขึ้น ขณะเดียวกันนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ถูกคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในจำนวนนั้นคือ “ซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา” (Zuma Zacapa Live Solera)
“ซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา” (Zuma Zacapa Live Solera) เป็นความร่วมมือระหว่าง ห้องอาหาร “ซูมา” (Zuma) ห้องอาหารชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลกพร้อมได้รับรางวัลการันตีจากนานาชาติ กับ “รอน ซากาปา” (Ron Zacapa) ผู้ผลิตรัม (Rum) คุณภาพพรีเมียม เปิดตัวนวัตกรรมสำหรับผสมเครื่องดื่มค็อกเทลที่คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก พร้อมให้สัมผัสรสชาติที่ห้องอาหารซูมา ทุกสาขาทั่วโลก เป็นการเติมเต็มรสชาติและกลิ่นอายของท้องถิ่นเข้ากับมื้ออาหารญี่ปุ่นแนวร่วมสมัย
Zuma Zacapa Live Solera นี้ใช้เวลาในการคิดค้นและพัฒนากว่า 2 ปี กระบวนการทำงานหลัก ๆ คือใช้ถังไม้โอคอเมริกันจำนวน 4 ถัง มีท่อขนาดเล็กเชื่อมต่อแต่ละถังเข้าไว้ด้วยกัน ใส่วัตถุดิบที่เลือกสรรมาเพื่อเป็นตัวแทนของแต่ละท้องที่ จากนั้นปล่อยให้รอน ซากาปา ค่อย ๆ ไหลผ่านแต่ละถังอย่างช้าๆ เพื่อให้รัมได้ซึมซับกลิ่นและรสชาติที่เฉพาะตัวเอาไว้ โดยซูมาเลือกวัตถุดิบสำหรับหมักบ่มที่สื่อถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ คือ ขิง ตะไคร้ ช็อกโกแลต พริก และชาส้มโอ สุดท้ายเครื่องดื่มจะถูกเสิร์ฟในแก้วที่ถูกแช่เย็นเฉียบ พร้อมกับน้ำแข็งที่แกะสลักอย่างประณีตด้วยมือของบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์
พรเศก ภาคสุวรรณ ผอ.ฝ่ายขาย กลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าซากาปา กล่าวว่า “ยินดีและตื่นเต้นไปกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้ที่ออกแบบมาเพื่อนำเอาส่วนผสมที่เป็นตัวแทนในแต่ละท้องถิ่นมาประยุกต์เป็นเครื่องเดิมชั้นเลิศ เหมาะอย่างยิ่งกับอาหารญี่ปุ่นแนวร่วมสมัยของซูมา”
อาเคเดียส์ ไรบัค ผจก.ฝ่ายพัฒนาบาร์ ห้องอาหารซูมา โกลบอลเอเชีย กล่าวว่า “ที่ซูมาเราไม่หยุดยั้งที่จะค้นหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างซูมากับลูกค้า และซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา นี้จะเปิดโอกาสให้แขกผู้มีเกียรติได้ปฏิสัมพันธ์กับนักผสมเครื่องดื่มของทางห้องอาหาร และมีส่วนในกระบวนการอันน่าตื่นเต้นนี้ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่เราอยากจะแบ่งปันไปยังแขกคนสำคัญของเรา”
เจมส์ เชียเอเรอ ผจก.ฝ่ายบาร์ กลุ่มห้องอาหารซูมา อธิบายว่า “พวกเรารู้สึกภูมิใจในเครื่องดื่มอันหลากหลายของเรา โดยซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา นี้จะเป็นความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ เติมเต็มปรัชญาในการเลือกสรรเครื่องดื่มของเราให้เจิดจ้ามากขึ้น”
มร.จิมมี บาร์รัท ผจก.ฝ่ายพัฒนาบาร์ ห้องอาหารซูมา โกลบอล กล่าวเสริมว่า “เสน่ห์ของซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา อยู่ตรงที่เมื่อคุณก้าวเข้าไปในร้านซูมาทุกสาขาทั่วโลก จะได้ลิ้มรสค็อกเทลที่มีความพิเศษแตกต่างไปในแต่ละเมือง เช่น ในไมอามีจะใช้ส่วนผสมของสุราหวานกลิ่นยอดมะพร้าว สาหร่าย สับประรถหมัก แสดงถึงความหลากหลายของเมืองนี้ ซึ่งเครื่องดื่มจะมีรสชาติและคุณลักษณะอันโดดเด่นตามลักษณะของแต่ละเมืองเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก”
“ซูมา” (Zuma) ก่อตั้งในปี 2002 โดย Rainer Becker และ Arjun Waney เริ่มสาขาแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และยังคงดำเนินกิจการอยู่จนถึงปัจจุบัน พร้อมสาขาต่างๆที่เปิดตามมาคือ ฮ่องกง 2007,ดูไบ 2008,อิสตันบูล 2008,ไมอามี 2010,กรุงเทพฯ 2011,เด็ทกา เพนนินซูลา 2013,อาบูดาบี 2014,นิวยอร์ค 2015 และล่าสุดคือโรม 2016
“ซากาปา” (Zacapa) ก่อตั้งโดยตระกูลโบทราน (Botran Family) ในปี 1976 ผลิตที่เมือง Verdant ประเทศกัวเตมาลา ตั้งชื่อเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของเมือง Zacapa ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศกัวเตมาลา ผลิตโดย Licoreras de Guatemala (ILG) อยู่ในเมือง Tulula และอยู่ในเครือบริษัท ดิอาจีโอ (Diageo) ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญก็คือมี Master Distiller ชื่อลอเรนา บาสเกซ (Lorena Vásquez) เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รสชาติของซากาปานุ่มนวลเป็นพิเศษ
ซากาปา ไม่ใช่ผลผลิตของมนุษย์ธรรมดา แต่เกิดจากดิน ฟ้า อากาศ และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ผสมผสานกับความรู้และประสบการณ์ระดับสูงในการหมักบ่ม ที่สำคัญผลิตด้วยน้ำตาลอ้อยบีบคั้นสด ๆ ในครั้งแรก ขณะที่รายอื่น ๆ ใช้กากน้ำตาล (Molasses) ดังนั้นรสชาติของซากาปาจึงแตกต่างจากผู้ผลิตที่ใช้กากน้ำตาลอย่างสิ้นเชิง โดยอ้อยของซากาปาทั้งหมดปลูกในดินที่ดินฟ้าอากาศพิเศษหรือแตร์รัวร์ (Terrior) คล้าย ๆ กับแหล่งผลิตปลูกองุ่นผลิตไวน์ระดับสุดยอดของโลกในประเทศต่าง ๆ
น้ำอ้อยที่บีบคั้นออกมานั้น จะเรียกว่า “Virgin sugar cane honey” เป็นน้ำอ้อยที่บริสุทธิ์ เข้มข้น และมีกลิ่นหอมน้ำผึ้งน้ำผึ้งเป็นพิเศษ อันนี้ยืนยันได้เพราะผมเคยดมมาแล้วหลายครั้งในต่างสถานที่ น้ำอ้อยจะถูกนำไปผ่านกระบวนการหมักบ่มอย่างพิถีพิถันด้วยระบบ “ซิสเตมา โซเลรา (Sistema Solera) เป็นกระบวนการดั้งเดิมเช่นเดียวกับที่ทำแชร์รี (Sherry) ฟอร์ติไฟด์ ไวน์ชื่อดังของสเปน และบนเกาะ Sicily ของอิตาลีใช้ผลิต Marsala ฟอร์ติไฟด์ ไวน์ชื่อดังเช่นกัน
โรงบ่มซากาปาที่อยู่ใกล้ ๆ กับเมือง Quetzaltenango ทางตะวันตกของกัวเตมาลา ก็ไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 2,300 เมตร อุณหะภูมิประมาณ 17 องศาเซนเซียส (62 °F) ความสูงระดับที่แทบจะแตะก้อนเมฆนี้ จึงถูกเรียกว่า “House above the Clouds” ส่วนถังไม้โอคที่ใช้บ่มมี 3 ชนิดซึ่งผ่านการบ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาแล้วคือ อเมริกัน วิสกี้ (American Whisky Casks),แชร์รี (Sherry) และเปโด ซีเมเนซ (Pedro Ximenez) ซึ่งถูกนำมาใช้ใน “ซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา” นั่นเอง
ด้วยความพิเศษหลายอย่างดังกล่าว ทำให้ซากาปาได้รับรางวัลจากการชิมระดับนานาชาติมากมาย และเป็นรัมรายแรกที่ได้รับการบรรจุใน International Rum Festival’s Hall of Fame ขณะเดียวกันก็ได้คะแนน 95 /100 จาก The Beverage Testing Institute ปัจจุบันผลิตรุ่นต่าง ๆ เช่น Zacapa 15 บ่มระหว่าง 5 – 15 ปี / Zacapa 23 บ่มระหว่าง 6 – 23 ปี / Zacapa 23 Black Label บ่มระหว่าง 6 – 23 ปี / Zacapa 23 Straight from the Cask บ่มระหว่าง 6 – 23 ปี / Zacapa XO บ่มระหว่าง 6 – 25 ปี / Ron Zacapa Centenario 23 year old Solera Rum และรุ่นล่าสุดเมื่อปี 2 ปีที่แล้วคือ รอน ซากาปา เซนเตนาริโอ “ซิสเตมา โซเลรา” 23 โซเลรา กราน รีแซร์บา (Ron Zacapa Centenario “Sistema Solera” 23 Solera Gran Reserva) เป็นรุ่นที่เพิ่มคำว่า “Sistema Solera” เข้ามาในฉลากด้วย
“ซูมา ซากาปา ไลฟ์ โซเลรา” (Zuma Zacapa Live Solera) นวัตกรรมการสร้างสรรค์ค็อกเทลรูปแบบใหม่ ในเมืองไทยมีให้ลิ้มรสแห่งเดียวเท่านั้นคือห้องอาหารซูมา ณ โรงแรม เดอะ เซนต์รีจิส กรุงเทพฯ วันอาทิตย์ – พฤหัสบดี เวลา 12 .00 – 24.00 น. วันศุกร์-เสาร์ เวลา 12.00 – 01.00 น.