“ปีซซินี” (Piccini ) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ในแคว้นทัสกานี (Tuscany) ที่ยังทำไวน์ด้วยวิถีทางของครอบครัวที่ยืดมั่นกันมากว่า 135 ปี ตั้งอยู่ใจกลางคิอานติ กลาสสิโก (Chianti Classico) ซึ่งเป็นพื้นที่ไข่แดงของการผลิตไวน์คิอานติ (Chianti) แคว้นทัสกานี และยึดมั่นการผลิตไวน์ในสไตล์ทุสกันแบบดั้งเดิม (Tuscan Traditions) มาเป็นเวลาถึงทายาทรุ่นที่ 4 ผลิตไวน์หลากหลายรุ่นและหลายเกรด รวมทั้ง DOCG เช่น คิอานติ (Chianti),คิอานติ ซูเปริโอเร (Chianti Superiore),คิอานติ กลาสสิโก (Chianti Classico) และคิอานติ กลาสสิโก รีแซร์วา (Chianti Classico Riserva) ขณะเดียวกันก็ยังมีไวน์ซุปเปอร์ ทัสกัน (Super Tuscan) เช่น ซาสโซ อัล ปอกจิโอ แอนด์ รอสโซ (Sasso al Poggio and Rosso) และบรูเนลโล ดี มอนตัลชิโน (Brunello di Montalcino) เป็นต้น
เรื่องราวของ Piccini เริ่มขึ้นในปี 1882 โดยคุณทวดแอนจิโอโล ปิชชินี (Angiolo Piccini) จากครอบครัวเล็ก ๆ ในพื้นที่เพียง 7 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) หลังจากทายาทรุ่นต่อ ๆ ก็รับเอาปรัชญาหรือแนวทางการทางไวน์มาจากซูเปอร์ทวด กระทั่งปัจจุบัน Piccini มีที่ดินในการปลูกองุ่นทำไวน์อยู่ถึง 4 แห่ง ที่สำคัญ Piccini ได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์ของทัสกานี ไวน์ที่รู้จักกันมากที่สุดในโลก
ทายาทบริหาร Piccini คนปัจจุบันคือมาริโอ ปิชชินี (Mario Piccini) เป็นคนอามรณ์ดี และคุยสนุกสนาน ผมเจอเขาครั้งแรกในงาน Vinexpo Hong Kong ปี 2016 และอีกครั้งล่าสุด Vinexpo Hong Kong 2018 เมื่อกลางปีนี่เอง หลังจากนั้นอีกประมาณเดือนเศษ ๆ เขาก็เดินทางมาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมงาน “ปิซซินี ไวน์ เทสติ้ง” (Piccini Wine Tasting) ตามคำเชิญของบริษัท แอมโบรส ไวน์ ผู้นำเข้า ที่ร้าน The Escape Bangkok ในธีม Orange Moment สีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำของปิซซินี มีไวน์ให้ชิมหลากหลายรุ่น
สำหรับไวน์ปิซซินีที่ผมได้ชิมครั้งล่าสุดมีหลายรุ่น เช่น
ปิซซินี ปีโนต์ กรีโจ เดลเล เวเนเซีย ไอจีที 2016 (Piccini Pinot Grigio delle Venezie IGT 2016) : ไวน์ขาวจากปิโนต์ กรีโจ ที่อร่อยอีกตัวหนึ่งเมื่อเทียบราคาขวดต่อขวด ในภาคอีสานของอิตาลีนั้น มีพื้นที่ 3 แห่งที่เรียกว่า “เตร เวเนซีเอ (Tre Venezie) หรือ Three Venices เพราะเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ เวเนเตียน (Venetian Empire) เรียกสั้น ๆ ว่า “เวเนซีเอ” (Venezie) ผลิตทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว ประกอบด้วยเวเนโต (Veneto) ที่ผลิตปีโนต์ กรีโจ เป็นหลัก ตามด้วยอัลโต อาดีเจ (Alto Adige) เขตอากาศเย็น และฟรียูลิ เวเนเซีย กูเลีย (Friuli-Venezia Giulia) ที่ผลิตไวน์ขาวสไตล์ร่วมสมัย….สีเหลืองทองอ่อน ๆ ขอบเขียวเป็นประกายสดใส หอมกลิ่นดอกไม้ เฮิร์บสด ๆ ผลไม้ เช่นแอปเปิ้ลเขียว พีช แพร์ และแอปริคอต อัลมอนด์สด ผักสด มิเนอรัล แอซสิดกำลังดี บอดี้ปานกลาง จบด้วยผลไม้และเฮิร์บสด ๆ
ปิซซินี มาริโอ ปริโม เคียนติ ดีโอซีจี 2016 (Piccini Mario Primo Chianti DOCG 2016) : ผมชอบตัวนี้มาก เป็นไวน์แดงที่เจ้าของแนะนำให้แช่เย็นที่อุณหะภูมิ 10-12 องศาเซลเซียส ตอนแรกผมไม่เชื่อ แต่หลังจากทดลองชิมกับเจ้าของแล้วปรากฏว่าขวดที่ปล่อยในอุณหะภูมิปกติ ไม่อร่อยเลย ส่วนขวดที่แช่ 12 องศาเซลเซียสดื่มอร่อยกว่ากันเยอะ น่าจะเป็นไวน์ที่เหมาะกับเมืองไทยมากที่สุด ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ และดื่มกับอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะอาหารไทยที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบ
เป็นไวน์ที่ผลิตในเขต Chianti DOCG ซึ่งไม่ธรรมดา ขลุกขลิกจากองุ่นแดง 2 พันธุ์คือซานโจเวเซ (Sangiovese) 90% กานายโอโล (Canaiolo) 10 % ซึ่งเป็นองุ่นแดงอีกพันธุ์ที่สำคัญของแคว้นทัสกานี โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 18 ใช้เป็นส่วนผสมหลักของของไวน์เคียนติมากกว่าซานโจเวเซด้วยซ้ำไป ที่คุ้น ๆ กันดีคือรุ่นที่มีฟางหุ้มขวด และองุ่นเขียว 2 พันธ์คือ มาลเวเซียและเทรบไบอาโน ทอสกานา (Malvesia & Trebbiano Tascana)10 % เพื่อให้มีความมีชีวิตชีวาของไวน์ สีแดงสดใส หอมกลิ่นผลไม้ เช่น เชอร์รี เบอร์รี แรสพ์เบอร์รี สไปซีเฮิร์บ แทนนินและบอดี้ปานกลาง แอซสิดปานกลางดื่มแล้วสดชื่น เหมาะกับอาหารประเภทตาปาส พิซซา ปาสตาบางอย่าง รวมทั้งอาหารไทยอย่าง ผัดไทย ข้าวกับแกงบางอย่างที่รสไม่จัดมาก
ปิซซินี เคียนติ ดีโอซีจี 2016 (Piccini Chianti DOCG 2016) : เป็นคิอานติ ที่ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ ทำจากซานโจเวเซ (Sangiovese) 90% กานาอิโอโล (Canaiolo) 5% และซิลิเอจิโอโล (Ciliegiolo) 5% องุ่นพื้นเมืองที่ใช้เบลนด์กับไวน์คิอานติ โดย Ciliegiolo หมายถึง Cherry ..สีแดงสดใส หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น เชอร์รี เบอร์รี และแรสพ์เบอร์รี เฮิร์บ สไปซี่ แทนนินนุ่ม
อย่างไรก็ตามที่อยากแนะนำเป็นพิเศษคือ ไวน์ปิซซินีที่ผลิตไวน์บนเกาะซิซิลี (Sicily) ที่เขตผลิตเมาท์ เอตนา (Mt. Etna) ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตผลิตไวน์ดาวรุ่งในแวดวงการผลิตไวน์ของเกาะซิซิลี ปัจจุบันมีฐานะเป็น DOC (Denominazione di Origine Controllata) ที่ไร่องุ่นครอบคลุมรอบ ๆ เชิงเขา ผลิตไวน์ในสไตล์สละสลวยและหอมกรุ่นอบอวล (elegant & aromatic)
Etna DOC กินพื้นที่ทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ของเนินเขารอบภูเขาไฟเอตนา (Etna volcano) ประกอบด้วยหมู่บ้าน (communities) คือ Biancavilla, S.Maria di Licodia, Paterno, Belpasso, Nicolosi, Pedara, Trecastagni, Viagrande, Aci S.Antonio, Acireale, S. Venerina, Giarre, Mascali, Zafferana, S.Alfio, Piedimonte, Linguaglossa, Castiglione, Randazzo และ Milo เขตเดียวที่ผลิตไวน์ขาวจากองุ่น Carricante คุณภาพเยี่ยมคือ Bianco Superiore
ไวน์แดงของเอตนาทำจากองุ่นเนเรลโล มัสกาเลเซ (Nerello Mascalese) องุ่นที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของไวน์แดงเอตนา (Etna Rosso) สันนิฐานว่ามีต้นกำเนิดที่เมืองกาตาเนีย (Catania) ห่างจากภูเขาไฟเอตนาประมาณ 30 กม. องุ่นพันธุ์นี้แอซสิดและแทนนินคล้าย ๆ เนบบิโอโล (Nebbiolo) ขณะที่บอดี้และความสละสลวยคล้ายปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) และองุ่นเนเรลโล คัปปุชชิโอ (Nerello Cappuccio) ที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์แดงเอตนา (Etna Rosso) เช่นกัน เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของไวน์แดงเบลนด์ Etna Rosso DOC
ส่วนองุ่นเขียวประกอบด้วยการ์ริกันเต (Carricante) เป็นองุ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเอตนา และปลูกทั่วไปในเอตนา มีกฏเกณฑ์ว่าถ้าเป็นไวน์ขาวเกรดซูเปริโอเร (Superiore) จะต้องผลิตในหมู่บ้านมีโล (Milo) เท่านั้น ขณะที่องุ่นกาตาร์รัตโต (Catarratto) ปลูกทั่วไปบนเกะซิซิลี และมีเนลลา เบียงกา (Minella Bianca) เป็นองุ่นดั้งเดิมที่หายากปลูกบนเนินเขาเอตนา เป็นต้น
เอตนา ดีโอซี (Etna DOC) มีข้อบังคับในการทำไวน์ดังนี้
เอตนา ดีโอซี เบียงโก (Etna DOC Bianco) ต้องทำจากองุ่น Carricante อย่างน้อย 60% Catarratto ไม่เกิน 40% สามารถเติมองุ่นที่กลิ่นไม่แรงอย่าง Minnella หรือ Trebbiano ได้ไม่เกิน 15 %
เอตนา ดีโอซี เบียงโก ซูเปริโอเร (Etna DOC Bianco Superiore) ต้องทำจากองุ่น Carricante อย่างน้อย 80% Catarratto หรือ Minnella ไม่เกิน 20%) ที่สำคัญต้องเป็นองุ่นจากหมู่บ้าน Milo เท่านั้น
เอตนา ดีโอซี รอสโซ/โรซาโต (Etna DOC Rosso/Rosato) ไวน์แดงหรือโรเซต้องใช้องุ่น Nerello Mascalese อย่างน้อย 80% และ Nerello Cappuccio/Mantellato ไม่เกิน 20% สามารถเติมองุ่นที่กลิ่นไม่แรงทั้งองุ่นแดงหรือองุ่นเขียวได้ไม่เกิน 10%
มีไวน์ 2 รุ่นที่น่าสนใจดังนี้
ตอร์เร มอรา สกาลูเนรา เอตนา รอสโซ ดีโอซี 2016 (Torre Mora Scalunera Etna Rosso DOC 2016) : ทำจาก Nerello Mascalese 95 % และ Nerello Cappuccio 5 % จากไร่ใน Contrada Torre ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 650-700 เมตร ดินมีส่วนผสมของหินลาวา เก็บองุ่นด้วยมือ บ่มในถังโอค 24 เดือน ในขวดอีก 4 เดือน สีแดงเข้มสดใส มีกลิ่นหอมของผลไม้ เช่น แบล็คเบอรี แบล็คเชอร์รี และพลัม มิเนอรัล สไปซี่ เฮิร์บกรุ่น ๆ จันทน์เทศ อบเชย กาแฟ แทนนินหนักแน่น แอซสิดปานกลาง จบยาวด้วยผลไม้สุกและเฮิร์บ
ตอร์เร มอรา เอตนา รอสโซ ดีโอซี 2016 (Torre Mora Etna Rosso DOC 2016) ทำจาก Nerello Mascalese 85 % และ Nerello Cappuccio 15 % จากไร่ใน Contrada Torre และ Rovitello ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 650 เมตร บ่มในถังโอค 12-18 เดือน และ 4 เดือนในขวด สีแดงสดใส มีกลิ่นของผลไม้เปลือกแดง โดยเฉพาะเชอร์รีค่อนข้างโดดเด่น สตรอว์เบอร์รีกรุ่น ๆ ตามด้วยแรสพ์เบอร์รี และพีช ไวโอเลต มิเนอรัล สไปซี เฮิร์บ แอซสิดปานกลาง จบยาวด้วยผลไม้และเฮิร์บ
“ปิซซินี” นอกจากจะเป็นแบรนด์ไวน์ทัสกานีที่รูจักกันดีที่สุดในโลกแล้ว อยากจะเรียกว่าเป็นครอบครัวไวน์สีส้ม อารมณ์ดี แห่งทัสกานีอีกด้วย..!!
