“รีสอร์ตเลิศ อาหารสุดโอชะ หาดทรายงาม”
หนึ่งในคำนิยามที่ฝรั่งมอบให้กับ “ภูเก็ต” สำหรับคนไทยอาจจะดูเฉย ๆ แต่ฝรั่งเขามองอย่างนั้น ซึ่งก็ดีเพราะฝรั่งจะได้เข้ามาเที่ยวกันเยอะ ๆ เอาเงินเข้าประเทศ เพียงแต่พวกเรานี่เองจะหาวิธีอย่างไรที่จะเอาเงินมาจากกระเป๋าของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยุคที่ความเปลี่ยนแปลงถาโถมเข้าสู่ภูเก็ตในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งบวกและลบ
อย่างไรก็ตามเสน่ห์ของเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ยังเย้ายวนชวนให้ผู้คนทั่วโลกมาเชยชม ภูเก็ตวันนี้มีสายการบินจากหลายประเทศทั่วโลกบินตรงมาลงโดยไม่ผ่านกรุงเทพฯ จนกระทั่งต้องเพิ่มพื้นที่ของสนามบินแยกเป็นในและต่างประเทศอย่างชัดเจน ขณะที่สายการบินในประเทศก็เพิ่มเที่ยวบันกันอย่างมากมาย ทั้งโลว์คอสต์และปกติ หนึ่งในจำนวนนั้นคือสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) ซึ่งผมใช้บริการในครั้งนี้ และปีนี้ก็ใช้บริการกว่า 10 ครั้ง ผมชอบสายการบินนี้ในเลาจ์มีข้าวต้มมัดให้กินหนักท้องดี
อย่างไรก็ตามเมื่อมีผู้คนมามาก ๆ สิ่งที่ภูเก็ตต้องยอมรับตัวเอง ณ ปัจจุบันนี้ก็คือเรื่องสาธารณูปโภคต่าง ๆ ไม่สามารถตอบสนองได้ทั้งกับคนภูเก็ตเองและผู้ที่ไปเยือน หลัก ๆ ก็คือการคมนาคมขนส่งที่เกี่ยวพันไปถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่บั่นทอนเศรษฐกิจและจิตใจของการท่องเที่ยวทั้งนั้น
พูดถึงเรื่อง “หาดทรายงาม” ตามที่ฝรั่งบอกดีกว่า ภูเก็ตเต็มไปด้วยหาดทรายที่งดงามและมีบรรยากาศที่หลากหลาย เช่น หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดสุรินทร์ หาดบางเทา หาดราไวย์ หาดไม้ขาว หาดกมลา หาดกะหลิม หาดในทอน หาดในหาน หาดในยาง หาดแหลมสิงห์ และหาดทรายแก้ว เป็นต้น
ปกติถ้ามาภูเก็ตผมต้องไปแวะชายหาดอย่างน้อย 2-3 แห่ง เพื่อดูหลาย ๆ อย่างแต่เสียดายไปคราวนี้ไม่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศของชายหาดเลย เพราะฝนฟ้าไม่เอื้ออำนวย ฝนตกตลอดทั้ง 3-4 วันที่อยู่ในภูเก็ต แถมด้วยน้ำท่วมหลายพื้นที่ ซึ่งนี่ก็เป็นปัญหาสำคัญของภูเก็ตเช่นกัน ขณะที่ชายหาดหลายแห่งปักธงแดงอันตรายห้ามลงเล่นน้ำ ทำให้ชีวิตของผมส่วนใหญ่ต้องอยู่ในโรงแรมและร้านอาหารพื้นเมืองบางแห่ง แต่โชคดีโรงแรมที่พักมีอะไรหลาย ๆ ครบวงจร
โรงแรมดังกล่าวคือ โรงแรม ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา เมอร์ลิน บีช เป็นโรงแรม แมริออท แห่งที่ 2 ในจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่บนหาดทรายสีขาวและท้องทะเลที่สวยงามของหาดไตรตรัง แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ต้นไม้ที่เขียวขจี ผมพักชั้น 6 ตอนกลางคืนนอนเปิดหน้าต่างเหลือมุ้งลวดไว้ ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรและนกกลางคืน เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เหมาะสำหรับวันพักผ่อนที่แสนสบายและเงียบสงบ เป็นส่วนตัว หลีกหนีจากความวุ่นวายและความเหนื่อยล้าจากการทำงาน มีทั้งหมด 414 ห้องในหลากหลายรูปแบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับการพักผ่อนแบบไร้ขีดจำกัด
พูดถึง “หาดไตรตรัง” (Tri Trang Beach) สักนิดหลายคนอาจจะไม่คุ้น เป็นหาดเล็ก ๆ ที่แยกออกมาจากหาดป่าตองไปตามถนนหมื่นเงินประมาณ 3 กิโลเมตร มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Emerald Bay เป็นชายหาดที่เงียบสงบ น้ำทะเลใสสะอาด มีสภาพความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไม่พลุกพล่าน หาดทรายสีขาว ปลอดขยะ และมลพิษ ซึ่งผู้มาเยือนจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมความงามของทะเล ดำน้ำดูปะการังหรือปลาสวยงาม เป็นต้น
ผู้บริหารของโรงแรมบอกถึงแนวคิดของการออกแบบว่า มุ่งเน้นความรู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้ามา จากความโรแมนติกสู่ความสนุกสนานแบบครอบครัวด้วยสระว่ายน้ำถึง 3 สระ ฟิตเนสมีเครื่องออกกำลังกายที่ทันสมัยเปิด 24 ชั่วโมง พร้อมสโมสรที่มีกิจกรรมมากมายที่พร้อมสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็กๆ เรียกว่ามีกิจกรรมสันทนาการสำหรับทุกเพศทุกวัย เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก รวมทั้งการจัดประชุม งานแต่งงานทั้งแบบไทยและสากล
โรงแรมนี้มีร้านอาหารถึง 4 ห้องอาหารและ 4 บาร์ ช่วงที่พักออกไปไหนไม่ได้ผมก็สำรวจและชิมทุกห้องอาหารและทุกบาร์ เช่น D.O.C.G ห้องอาหารอิตาเลียน ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Dolce Vita ภาพยนตร์อิตาลี เกี่ยวกับชีวิตที่แสนหวาน ใช้วัตถุดิบที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี รวมเนื้อสัตว์และไวน์ ซึ่ง D.O.C.G นั้นเป็นเกรดไวน์ระดับสูงสุดของไวน์อิตาลี ถ้าคัดเลือกไวน์อิตาลีระดับ D.O.C.G.มาเข้าไวน์ลิสต์ให้มากที่สุด ห้องนี้จะมีเสน่ห์มาก / Merchant Kitchen เป็นห้องอาหารสไตล์ครัวเปิด / ถ้าชอบกาแฟที่ Phuket Coffee Co. เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ใกล้ชายหาด บริการกาแฟคั่วสด ๆ หลากหลายรูปแบบและรสชาติ โดยฝีมือบาริสต้าระดับแชมป์ภาคใต้คนล่าสุด
ห้องอาหาร Beach Grill ติดกับสระว่ายน้ำสำหรับครอบครัวพร้อมพื้นที่นั่งเล่น ติดกับทั้งสระว่ายน้ำและชายหาด / Thai Pantry ห้องอาหารไทยที่ตบแต่งด้วยบรรยากาศแบบไทยแท้ บริการอาหารไทยพื้นบ้านและไทยอื่น ๆ / The Lounge ล็อบบี้บาร์ ให้บริการเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน / Pool Bar ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสระว่ายน้ำและทะเล / Wellness ที่นั่งสำหรับพักผ่อนอยู่ข้างสระว่ายน้ำ
ถ้าเหนื่อยล้าก็มีสปาเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ตั้งอยู่หน้าสระว่ายน้ำ ด้วยทรีทเมนท์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากเทอราพีที่มากด้วยประสบการณ์ รวมทั้งนวดแผนไทย ถ้ามีเด็กไปด้วยเขาก็มีสโมสรของเด็กตั้งอยู่ที่ชั้น จี ด้านหน้าสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก พร้อมกิจกรรมที่มากมายและหลากหลายที่สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆในทุกๆวัย
มาถึงเรื่องของ “อาหารสุดโอชะ” อาหารของภูเก็ตมีเสน่ห์จนยูเนสโก (UNESCO) ยกย่องให้เป็น “เมืองแห่งอาหารการกิน” (City of Gastronomy) เป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ที่สร้างความแปลกใจให้กับชาวต่างประเทศคือ เมื่อเทียบกับอีก 17 เมืองที่ได้รับการยกย่องในคราวเดียวกัน ภูเก็ตถือว่าเป็นเมืองที่อายุน้อยที่สุดคือมีอายุเพียง 150 ปีเท่านั้น ขณะที่เมืองอื่น ๆ อายุอานามหลายร้อยปีจนถึงเกือบ 1,000 ปี
สาเหตุที่สำคัญก็คือในอดีตภูเก็ตเคยเป็นเมืองชุมทางของคาบสมุทรมาเลย์ ซึ่งวัฒนธรรมหลากหลายชาติมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ในโลกนี้ ขณะเดียวกันกลับเป็นรสชาติที่เอร็ดอร่อยเลิศรส
นอกจากนั้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในแวดวงเครื่องดื่มของภูเก็ตมากขึ้นก็คือเครื่องดื่มประเภท “ค็อกเทล” จากที่ผ่าน ๆ มา ค็อกเทลที่ภูเก็ตเป็นค็อกเทลทที่ทำง่าย ๆ ดื่มง่าย ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวดื่มสนุก ๆ ไม่มีความสลับซับซ้อนมากมาย วันนี้ภูเก็ตมี “ค็อกเทล บาร์” เกิดขึ้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ หลายแห่ง เป็นคลาสสิค ค็อกเทลระดับโลก มีความสลับซับซ้อน ต้องมีความตั้งใจและใส่ใจในการดื่มอย่างจริงจัง
หนึ่งในความเติบโตดังกล่าวคือมีการตั้งโรงกลั่น “รัม” (Rum) ชื่อ “ฉลองเบย์ รัม” (Chalong Bay Rum) เป็นรัมสัญชาติไทย-ฝรั่งเศส วัตถุดิบหลักคืออ้อยที่ปลูกในเมืองไทย 100 % ผสานกับเทคนิคการกลั่นแบบดั้งเดิมจากฝรั่งเศส จนได้รัมที่มีเอกลัษณ์ของตัวเอง ปัจจุบันนอกจากรสดั้งเดิมแล้ว ยังมีกลิ่นต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา เช่น โหระพา อบเชย และตะไคร้ เป็นต้น รัมสามารถใช้เป็นส่วนผสมของค็อกเทลได้หลากหลาย ที่คุ้นเคยกันดีคือ “โมฮีโต” (Mojito) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศคิวบา แหล่งปลูกอ้อยชั้นเยี่ยม ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการกลั่นรัมนั่นเอง
“อาหาร 5 มื้อ” มีต้นกำเนิดมาจากการที่ภูเก็ตได้รับอิทธิพลทางด้านการกินผสมผสานจากหลายเชื้อชาติดังกล่าว ทำให้ภูเก็ตกลายเป็นเมืองที่สามารถหาอาหารกินได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เป็นอีกเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งของภูเก็ต คนต่างถิ่นอาจจะดูตื่นเต้น แต่สำหรับคนภูเก็ตถือว่าเป็นเรื่องปรกติ และกลับเป็นความภาคภูมิใจ ถ้ามาภูเก็ตแล้วไม่ได้ลิ้มรสวัฒนธรรมอาหาร 5 มื้อของคนภูเก็ต คงพูดไม่ได้เต็มปากว่ามาถึงภูเก็ตอย่างสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญท่านต้องวางแผนให้กับกระเพาะของท่านให้ดี
มื้อเช้า เมนูยอดนิยมคือติ่มซำ ที่คนภูเก็ตเรียกว่า “เส่วโบ๋ย” หรือ “เสี่ยวโบ๋ย” ขนมจีนนานาชนิด และโรตี ร้านจะเปิดกันตั้งแต่เช้ามืดและปิดประมาณก่อนเที่ยง เพราะฉะนั้นหากมาภูเก็ตจะนอนตื่นสายไม่ได้
มื้อเที่ยง อาหารที่นิยมมักจะเป็นจำพวกเส้น สืบเนื่องมาจากในอดีตมีคนจีนเข้ามาทำงานเหมืองเป็นจำนวนมาก ต้องการพลังสูงในการทำงาน ซึ่งก็มีพวกพวกแป้งนี่เอง เมนูยอดนิยม เช่น หมี่ผัดฮกเกี้ยน และบะหมี่แห้งน้ำซุปกุ้ง เป็นต้น ตบท้ายด้วยโอเอ๋ว ของหวานพื้นเมืองทำให้ชื่นใจ แก้ร้อนใน ลดการกระหายน้ำ โอเอ๋วทำจากวุ้นของเมล็ดโอเอ๋ว นำไปแช่น้ำแล้วใช้เมือกโอเอ๋วมาผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้าผสมกับเจี่ยกอ เพื่อให้เนื้อโอ้เอ๋วเกาะตัวเป็นก้อน ก่อนจะนำมาใส่น้ำเชื่อมและน้ำแข็งไส
มื้อบ่าย เป็นอาหารบรรเทาความหิวระหว่างวัน ซึ่งเมนูที่นิยมกันคือ บี้หุ้นปาฉ่าย ปอเปี๊ยะสด โลบะหรือล้อบะ และเกี้ยน โดยบี้หุ้นปาฉ่าย หรือ หมี่หุ้นป้าฉ่าง หรือหมี่หุ้นกระดูกหมู ใช้เส้นหมี่ขาวขนาดใหญ่กว่าเส้นหมี่ขาวธรรมดา ไปผัดแบบแห้ง ๆ กับซีอิ้วและน้ำซุปกระดูกหมู กินคู่กับซุปกระดูกหมู โรยด้วยหอมเจียว และใบกุยช่าย เป็นต้น
มื้อเย็น ส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมืองแบบท้องถิ่นภูเก็ต และอาหารสไตล์จีน ที่กินพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว เดิมทำกินกันเองที่บ้าน ปัจจุบันมีการพาครอบครัวมากินตามร้านอาหารมากขึ้น เมนูอาหารพื้นเมือง เช่น หมูฮ้อง แกงส้ม น้ำซุปหยำ ใบเหลียงผัดไข่,แกงเนื้อปูใบชะพลู,น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นต้น
มื้อค่ำ เป็นมื้อที่กินก่อนนอนเพื่อให้นอนหลับสบาย เมนูยอดนิยมคือ “โอต๊าว” หรือ “โกต๊าว” หรือ “โอวต้าว” ลักษณะเป็นแป้งผัดกับหอยนางรม คล้ายๆ กับหอยทอด แต่ผัดแบบละเอียดและไม่กรอบ ใส่แป้ง เผือกต้ม ไข่ไก่ หอยนางรม ถั่วงอก และกากหมู ราดด้วยน้ำซอส
ภูเก็ตมีร้านอาหารมากมายทั้งอาหารไทยพื้นเมือง อาหารไทยภาคอื่น ๆ อาหารจีนทั้งจีนพื้นเมืองและจีนอื่น ๆ อาหารยุโปรและตะวันตกหลายชาติ เรียกว่าอยากกินอะไรและของชาติไหนได้ทั้งนั้น และหาไม่ยาก เพราะมีสื่อหลายภาษาและหลายรูปแบบแนะนำตั้งแต่บนเครื่องบินจนถึงห้องนอนในโรงแรม โดยเฉพาะสื่อภาษาไทยบางร้านถูกแนะนำจนปรุ
อย่างไรก็ตามแนะนำร้านอาหารเก่าแก่สักร้าน ซึ่งชื่อว่าแทบจะไม่ปรากฏในรายการแนะนำของสื่อเลยชื่อร้าน “หวานใจ” เป็นร้านที่เปิดให้บริการมานานกว่า 25 ปี อยู่ ถ.รัษฎานุสรณ์ ต.รัษฎา อ.เมือง หรือบริเวณแยกสถาบันราชภัฏภูเก็ต ใกล้ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนเทพกระษัตรี เมนูมีทั้งอาหารไทย อาหารภูเก็ตดั้งเดิม อาหารฟิวชั่น และอาหารยุโรป ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ และส่วนหนึ่งมากันเป็นครอบครัว บางคนกินมาตั้งแต่เรียนมัธยม ต่อราชภัฎภูเก็ตจบแล้วทำงานก็ยังกลับมากิน เปิดบริการ 11.00- 21.00 น.โทร.065 396 5308
“ภูเอ๋ย ภูเก็ต อาณาเขตที่เรารักกัน……….”
มนต์เสน่ห์ที่ยังคงอบอวล…!!