เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2558 มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นในวงการไวน์บอร์กโดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศส เมื่อเจมส์ ซู (James Zhou) นักธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ที่มีชื่ออยู่ในตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น เป็นคนจีนคนแรกของปี 2558 ที่ประเดิมซื้อชาโตไวน์ในเมืองบอร์กโดซ์ เมกกะแห่งวงการไวน์ฝรั่งเศส
เดือนมีนาคม 2559 ก็เกิดข่าวใหญ่ในแวดวงไวน์บอร์กโดซ์อีก แถมยังเกี่ยวข้องกับมหาเศรษฐีจีนอีกเช่นกัน แต่ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าและน่าจะทำให้แผ่นดินบอร์กโดซ์รวมทั้งฝรั่งเศสสะเทือนเลื่อลั่น เพราะผู้ก่อให้เกิดเรื่องราวนี้ไม่ธรรมดา แต่เป็นมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของประเทศจีนนั่นคือ แจ๊ค หม่า” (Jack Ma)
ย้อนไปที่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แจ๊ค หม่าผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Alibaba บริษัท e-commerce รายใหญ่ของจีน ซึ่งมีทรัพย์สินรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 8 แสนล้านบาท นับหนึ่งของการเป็น “เจ้าพ่อชาโตไวน์” ในฝรั่งเศส ด้วยการซื้อชาโตไวน์แห่งแรก แต่ที่คนฝรั่งเศสฟังแล้วสยองขนหัวลุกก็คือเขาประกาศว่า…”ภายใน 2 ปีนี้จะซื้อไวน์ในฝรั่งเศสอย่างน้อย 20 -30 ชาโต”
แจ๊ค หม่า ตกลงซื้อชาโต เดอ ซัวร์ (Château de Sours) ขนาดพื้นที่ 198 เอเคอร์ หรือประมาณ 500 ไร่ ในเขตอองเตระ-เดอซ์-แมร์ (Entre-Deux-Mers) แหล่งผลิตไวน์ขาวชื่อดังของเมืองบอร์กโดซ์ เป็นชาโตที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1785 โดยซื้อต่อจากมาร์ติน คราจอว์สกี (Martin Krajewski) เจ้าของชาโตไวน์ในบอร์กโดซ์นั่นเอง สำหรับราคาไม่มีการเปิดเผย แต่คาดว่าจะประมาณ 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบัน Château de Sours กำลังเร่งปรับปรุงทั้งเซลลาร์ ตัวชาโต และรูปแบบการตกแต่งภายใน ด้วยทีมสถาปนิกที่เคยทำให้กับชาโต เชอวาล บลัง (Château Cheval Blanc) ซึ่งเป็น 1 ในไวน์ยิ่งใหญ่ของโลก อยู่ในตำบลแซงเตมิยอง (Saint-Emilion) เมืองบอร์กโดซ์นั่นเอง และเป็น 1 ใน 4 ไวน์แซงเตมิยอง กรองด์ กรู กลาสเซ กลุ่ม เอ (Saint-Emilion Grand Cru Classe Group A)
แจ๊ค หม่า เดินทางมาบอร์กโดซ์เมื่อปลายปี 2558 พร้อมกับแสดงความสนใจอยากเป็นเจ้าของชาโตไวน์ในบอร์กโดซ์ เขาคุยกับพ่อค้าคนกลาง (Négociant) ว่าจะซื้อสัก 20 ชาโตในปีนี้ หรือ 30 ชาโตภายใน 2 ปี ขณะนี้ได้เตรียมตั้งบริษัทที่เป็นพ่อค้าคนกลางเพื่อดูแลธุรกิจไวน์ โดยคนที่จะทำหน้านี้คือ Kien Leong Lee ซึ่งจะเป็น MD คนใหม่ของ Château de Sours นั้นเป็นอดีตประธานของ Cellar Privilege บริษัทขายส่งไวน์ที่ตั้งอยู่ใน Château de Senailhac ตำบล Tresses เขต Entre-Deux-Mers นั่นเอง
ที่สำคัญเจ้าของ Château de Senailhac ก็คือเจ้า เวย (Zhao Wei) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแจ็ค หม่า นอกจากนั้น Zhao Wei ยังเป็นเจ้าของ Château Monlot ใน St.-Emilion ด้วย เจ้า เวย หรือ วิคกี้ เหวย นั้นนิตยสารฟอร์บส รายงานว่าเป็นนักแสดงหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีธุรกิจหลายอย่างรวมทั้งการลงทุนด้านไวน์ แต่ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและทำรายได้มหาศาลที่สุดให้เธอเกิดขึ้นเมื่้อเดือนธันวาคม 2557 เมื่อเธอลงทุนในบริษัท อาลีบาบา พิคเจอร์ส กรุ๊ป ของแจ๊ค หม่า ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ด้วยการซื้อหุ้น 9.18 % ของอาลีบาบา พิคเจอร์ส เป็นเงิน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คนอื่นอาจจะเท่าไหร่ แต่เมื่อเป็นแจ็ค หม่า กับ เจ้า เวย ประสานมือกันอย่างนี้ย่อมไม่ธรรมดา หลายคนอาจจะมองว่ามีลับ ลวง พราง ด้านเงินทองที่มาลงทุนพูดง่าย ๆ ว่าฟอกเงินหรือไม่ ? เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ที่แน่ ๆ เมื่อคิดถึงเครือข่ายของทั้งคู่แล้วย่อมมีอะไรที่ล้ำลึกมากกว่านั้น ลึกล้ำกว่ารสชาติไวน์กรองด์ กรู ราคาแพง ๆ ของฝรั่งเศส ต่อไปไวน์ฝรั่งเศสอาจจะขายผ่านบริษัท Alibaba ด้วย e-commerce ที่แจ๊ค หม่า ถนัดก็ได้ …!!!
Martin Krajewski ซึ่งเป็นเจ้าของ Clos Cantenac ใน St.-Emilion Grand Cru ซื้อ Château de Sours มาเมื่อปี 2004 ด้วยพื้นที่ 62 เอเคอร์ แล้วรื้อแปลงปลูกองุ่นใหม่ พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ จนปัจจุบันผลิตไวน์ขาว แดง และโรเซ ส่งไปขาย 26 ประเทศทั่วโลก ส่วนหนึ่ง 6,000 ลังส่งไปสหรัฐทุกปี ที่ตัดสินใจขาย Château de Sours เพราะต้องการเงินไปซื้อไร่ใน St.-Emilion นอกจากนั้น Martin Krajewski ยังเป็นเจ้าของ ARISTEA ในเซาท์ แอฟริกา และโรงกลั่นจิน (Gin) และเหล้าในกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ด้วย
เศรษฐีจีนเริ่มให้ความสนใจซื้อชาโตไวน์ในบอร์กโดซ์ หลังจากที่ปีเตอร์ กว๊อก (Peter Kwok) ซื้อชาโต โอต์-บริสซง (Chateau Haut-Brisson) ในปี 1997 ปัจจุบันเศรษฐีจีนครอบครองชาโตไวน์ในฝรั่งเศสแล้วประมาณ 100 ชาโต ส่วนใหญ่เป็นชาโตเล็กถึงกลาง มูลค่าเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านยูโรขึ้นไป
ปีเตอร์ กว๊อกพูดถึงตอนที่ซื้อ Chateau Haut-Brisson ว่า “I had no idea that 15 years later I would have quite so many Chinese neighbours” ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากมีคนแนะนำให้ซื้อก็ซื้อไว้ แต่ปัจจุบันเขามีเพื่อนชาวจีนเป็นเจ้าของชาโตไวน์ในบอร์กโดซ์มากมาย
การซื้อขายชาโตไวน์ในฝรั่งเศสส่วนใหญ่มี 2 รูปแบบ ๆ แรกขายหุ้นให้คนต่างชาติมาถือหุ้น อีกแบบหนึ่งขายทั้งหมดให้กับชาวต่างชาติ ประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นไร่ขนาดเล็ก ทำแบบครอบครัวมาโดยตลอด เมื่อมาถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ก็ไม่อยากจะทำเพราะการทำไวน์นั้นเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้มีหลาย ๆ เรื่อง จึงหันไปประกอบอาชีพอื่น
ส่วนเศรษฐีจีนที่เข้าไปซื้อชาโตไวน์ ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เพราะชาวจีนชอบไวน์ฝรั่งเศสมาก โดยเฉพาะไวน์ Bordeaux ยอดการสั่งซื้อแซงหน้าอังกฤษที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งในการสั่งไวน์ฝรั่งเศส แต่เมื่อปี 2514 ยอดสั่งซื้อจากจีนประมาณ 240 ล้านยูโร ขณะที่อังกฤษประมาณ 218 ล้านยูโร ส่วนฮ่องกงเกาะเล็ก ๆ แต่ก็มีความเกี่ยวกับจีนประมาณ 214 ล้านยูโร
ความบ้าคลั่งไวน์ในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์ฝรั่งเศส เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ใครจะดูดีเป็นเศรษฐีต้องดื่มไวน์ฝรั่งเศส แม้ภาพที่เห็นทั่วไปจะดื่มไวน์ใส่น้ำแข็งก็ตาม เมื่อกำลังผลิตไวน์พอทำให้พ่อค้าขี้โกงทำการปลอมไวน์ฝรั่งเศสขึ้นในประเทศจีน และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายใหญ่ที่สุดถูกจับได้เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้วมูลค่านับพันล้านบาท
เมื่อประกอบกับความต้องการขยับขยายเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ เศรษฐีจีนจึงหันไปซื้อชาโตไวน์ในฝรั่งเศส แค่ผลิตไวน์ส่งมาขายประเทศจีนแค่มณฑลเดียวก็มหาศาล แต่เพื่อความเป็นสากลส่วนหนึ่งของไวน์ต้องขายในตลาดโลก แม้เบื้องต้นจะเป็นเพียงชาโตเล็ก ๆ และชื่อเสียงยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่การได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าของชาโต” สามารถต่อยอดอย่างอื่นได้อีกเยอะ เพียงแต่รอโอกาสเท่านั้นเอง
ปี 2011 เป็นปีที่เศรษฐีจีนแห่ไปซื้อชาโตไวน์ในบอร์กโดซ์มากที่สุดไม่แพ้การซื้อสินค้าแบรนด์เนมของฝรั่งเศส โดยตกลงซื้อขายกันได้ 21 ราย หนึ่งในจำนวนนั้นคือ จ้าว เวย (Zhao Wei) เจ้าของบทบาทเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ในซีรีส์ชุด “องค์หญิงกำมะลอ” และหนัง “มู่หลาน” ที่โด่งดังซื้อ ชาโต มองโลต์ (Chateau Monlot) เป็นไวน์คุณภาพระดับกรองด์ ครู (Grand Cru) ในแซงเตมิลยอง (Saint-Emilion)
ปี 2013 ฉี ยูซู (Shi Yuzhu) ผู้บริหารบริษัท Giant Interactive Group Inc เจ้าพ่อเกมทางอินเตอร์เนต ซื้อชาโต แปลง-ปอนต์ (Chateau Plain-Point) ในฟรองซัค (Fronsac) ทางตะวันออกของเมือง Bordeaux และในปีเดียวกัน จิน ชาน ซาง (Jin Shan Zhang) ผู้บริหารบริษัท Ningxia Hong Group ยักษ์ใหญ่ตัวแทนการท่องเทียวในจีน และเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซื้อชาโต กรองด์ มูยีส์ (Chateau Grand Moueys) ใน Entre-Deux-Mers ไม่ไกลจากชาโตที่แจ๊ค หม่า ซื้อดังกล่าว
อย่างที่กล่าวในตอนแรก ต้นปี 2015 เจมส์ ซู (James Zhou) นักธุรกิจจีนซื้อ ชาโต เรอนอง (Chateau Renon) พื้นที่ราว 50 ไร่ ด้วยราคาที่ไม่เปิดเผย ชาโตนี้ก่อตั้งในปี 1820 ก่อนหน้านั้นเพียงสัปดาห์เศษ เฉิน เหมาลิน (Chen Miaolin) มหาเศรษฐีพันล้านเจ้าของบริษัท New Century Tourism Group ซื้อ ชาโต เดอ บิฮรอต์ (Chateau de Birot) ขนาด 34 เฮกตาร์ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 มาแล้ว คนนี้นอกจากผลิตไวน์ส่งกลับไปขายที่จีนแล้ว ยังต้องการต่อยอดธุรกิจท่องเที่ยวของเขาด้วย เป็นต้น
ปัจจุบันชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของชาโตไวน์ในบอร์กโดซ์เบอร์ 1 ยังคงเป็นเบลเยี่ยม ตามมาด้วยจีนเป็นที่ 2 คิดเป็น 1.3 % ของทั้งหมด 7,400 ชาโต ผลผลิตประมาณ 80 % ส่งกลับมาขายในจีน ซึ่งไม่เพียงพอเพราะพลเมืองจีนมากมายมหาศาล แค่มณฑลเดียวก็สามารถดื่มไวน์ Bordeaux หมด โดยไม่ต้องแบ่งให้ใคร
อีกไม่นานแผ่นดินฝรั่งเศสและคนรักไวน์ฝรั่งเศส จะได้ต้อนรับ “เจ้าพ่อไวน์บอร์กโดซ์” ที่ชื่อ แจ๊ค หม่า แน่นอน…!!!