“นับเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับ แลมเบย์ ไอริช วิสกี้ ที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญของคามูส์ คอนญัก กับศิลปะการผลิตวิสกี้แบบไอริช ที่จะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมบริโภควิสกี้ ผู้ซึ่งต้องการยกระดับรสนิยมของตนเอง เราจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการส่งมอบความเป็นเอกลักษณ์ของไอริช วิสกี้เข้าสู่ตลาดไทย ดังนั้นแลมเบย์ วิสกี้จึงถือว่าสามารถตอบโจทย์ให้แก่ผู้ที่แสวงหาความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความเป็นวิสกี้แท้ๆ และนอกจากนั้นยังสามารถแข่งขันกับแบรนด์ พรีเมี่ยม อื่นได้ดีในด้านราคาอีกด้วย”
ฌอง เดวิด คอสเตอร์ก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แลมเบย์ ไอริช วิสกี้ (Lambay Irish Whiskey Company) กล่าวถึงแลมเบย์ วิสกี้ ที่ TFWA เมื่อไม่นานมานี้
แลมเบย์ วิสกี้ (Lambay) เป็นไอริช วิสกี้ (Irish whiskey) ยี่ห้อใหม่ ที่เกิดจากความร่วมมือของคามูส์ ไวนส์ แอนด์ สปิริต โดยซีรีล คามูส์ (Cyril Camus) ทายาทรุ่นที่ 5 และ เดอะ แบริ่ง ริเวลสโตค ทรัสต์ โดยอเล็กซานเดอร์ บาริง (Alexander Baring) เจ้านายใหญ่ของบริษัท เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อปี 2018 โดยใช้เกาะแลมเบย์ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของรายหลังเป็นแหล่งผลิต แน่นอนเป็นเกาะที่งดงาม สงบเงียบ เพราะบุคคลอื่นไม่สามารถขึ้นไปได้ นอกจากจะขออนุญาต โดยมีปาตริก เลแกร์ (Patrick Léger) ในฐานะเซลลาร์ มาสเตอร์ (Cellar Master) ของคามูส์ เป็นมาสเตอร์ เบลนด์ (Master Blender) ขณะที่ฉลากมีรูปนกพัฟฟิน (Puffin) นกน่ารักที่อาศัยอยู่บนเกาะเป็นสัญลักษณ์ด้วย
ไอริช วิสกี้ (Irish whiskey) เป็นวิสกี้ที่ผลิตในประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) มีความเป็นมาและศักดิ์ศรีไม่เป็นรองสก็อต วิสกี้ (Scotch Whisky) แม้แต่น้อย โดยชาวไอริชเริ่มผลิตวิสกี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยพระชาวไอริชนำเทคนิคการกลั่นมาจากประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนในช่วง 1000 ก่อนคริสศักราช ก่อนจะพัฒนามาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน วัตถุดิบที่ใช้คือข้าว เช่น มอลต์ ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวไรย์ ฯลฯ ปัจจุบันมีข้อกำหนดหลายประการที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพ ซึ่งจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป ที่แน่ ๆ จะรู้ว่าอะไรเป็น ไอริช วิสกี้ (Irish Whiskey) อะไรเป็น สก็อต วิสกี้ (Scotch Whisky) ดูที่ตัว “e”
เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัท ยูไนเต็ด เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย แลมเบย์ (Lambay) ได้จัดแนะนำตัวเป็นครั้งแรกที่ร้านลิเบอเรชั่น(Liberation) ซึ่งเป็น Speakeasy bar ซอยสุขุมวิท 49 ประกอบด้วย 2 รุ่นคือ แลมเบย์ สมอลล์ แบทช์ เบลนด์ ไอริช วิสกี้ (Lambay Small Batch Blend Irish Whiskey) และ แลมเบย์ ซิงเกิ้ล มอลต์ ไอริช วิสกี้ (Lambay Single Malt Irish Whiskey)
แม็กซองซ์ โกยเนียร์ (Maxence Goinere) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คามูส์ ไวน์ แอนด์ สปิริต กล่าวว่า “วิสกี้ทั้งสองสื่อถึงความสมบูรณ์แบบและความหลากหลายของธรรมชาติบนเกาะแลมเบย์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไป 3 ไมล์นอกชายฝั่งเมืองดับลิน ผลิตโดยใช้น้ำจากแหล่งน้ำของเกาะแลมเบย์ที่ชื่อ ทรินิตี้ เวลล์ (Trinity Well Water) ถือว่าครบทั้งกลิ่น รสและบรรยากาศความเป็นไอริชอย่างแท้จริง ๆ” ผลการชิมทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้
แลมเบย์ สมอลล์ แบทช์ เบลนด์ ไอริช วิสกี้ (Lambay Small Batch Blend Irish Whiskey) : เป็นรุ่นที่กลั่น 3 ครั้ง และเบลนด์จากมอลต์และเกรน วิสกี้ บ่มในถังที่ผ่านมาบ่มเบอร์เบิน (Bourbon) ก่อนจะถ่ายมาบ่มในถังโอคที่ผ่านการบ่มคอนญัค (Cognac) แอลกอฮอล์ 40% เคยได้เหรียญทองจากงาน World Spirits Awards 2018 …สีเหลืองทองเข้มคล้ายๆ ถังโอค หอมกลิ่นซีทรัส แอปเปิ้ลเขียว แกรฟฟรุต มอลต์ ดอกไม้ วานิลลา น้ำผึ้งกรุ่น ๆ อัลมอนด์ กะลามะพร้าว สไปซี่ เปปเปอร์ และกลิ่นของคอนญัคกรุ่น ๆ หวานปะแล่ม ๆ เป็นรุ่นแนะนำให้ใช้เป็นส่วนผสมของค็อกเทล
แลมเบย์ ซิงเกิ้ล มอลต์ ไอริช วิสกี้ (Lambay Single Malt Irish Whiskey) : ซิงเกิ้ล มอลต์ จากไอริชที่น่าสนใจตัวหนึ่งในตลาดเมืองไทย กลั่น 3 ครั้งเช่นเดียวกัน และบ่มในถังโอคที่ผ่านการบ่มคอนญัค จากนั้นปล่อยไว้ในโรงเรือนที่มีช่องให้ลมทะเลพัดผ่าน บรรจุขวดโดยไม่ผ่านการกรองเย็น แอลกอฮอล์ 40%…สีเหลืองทองแกมบราวน์คล้าย ๆ ไม้มะฮอกกานี กลิ่นแรกที่ได้คือไอโอดีน สาหร่ายทะเล และกลิ่นอายของเกลือกรุ่น อันเป็นผลจากการปล่อยถังบ่มให้รับลมทะเลนั่นเอง ตามด้วยผลไม้แห้ง ๆ โดยเฉพาะเบอร์รีชัดเจนที่สุด กล้วยหอมสุก ๆ มอลต์กรุ่น ๆ ดอกไม้ มะพร้าว แบล็คเปปเปอร์ ควันไฟ ชอกโกแลต กาแฟคั่ว จบยาวด้วยมอลต์ ผลไม้ และหวานปะแล่ม ๆ
อย่างที่กล่าวในตอนแรกว่า แลมเบย์ สามารถใช้เป็นส่วนผสมของค็อกเทลได้ดีดังนั้นสุวิญชา สิงห์สุวรรณ บาร์เทนเดอร์ของลิเบอเรชั่น จึงทำค็อกเทลให้ชิม 2 แก้ว ๆ แรก Yellow Island ใช้ แลมเบย์ สมอล แบทช์ เบลนด์ ผสมกับคอร์เดียลขมิ้น ชรับบ์มะพร้าวและเทปาช ขณะที่ Irish Spirits ใช้แลมเบย์ วิสกี้ ซิงเกิ้ล มอลต์ ผสมกับมะพร้าว ชรับบ์มะพร้าว และน้ำเชื่อมใบเตย เป็นต้น
หลังจากนั้นอีก 2 วันต่อมาจึงมีการชิม “คามูส์” (Camus)ที่ร้าน Duke เกษร วิลเลจ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดคอนญัคที่เก่าแก่และมีตำนาน ก่อตั้งในปี 1863 โดยฌอง บาปตีสต์ คามูส์ (Jean Baptiste Camus :1835-1901) ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตคอนญัคหรือคอนญัค เฮาส์ (Cognac House) ที่ใหญ่ที่สุด และครอบครองโดยตระกูลคามูส์มาจนถึงปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของทายาทรุ่น 5 คือซีริล คามูส์ (Cyril Camus) ภายใต้ชื่อ“คามูส์ ไวน์ แอนด์ สปิริต” (Camus Wines & Spirits) เนื่องจากมีการขายไวน์และสปิริตต่าง ๆ ด้วย
คามูส์ ปลูกองุ่นอยู่ในบอร์เดอฮรีส์ (Borderies) พื้นที่เล็กที่สุดในจำนวน 6 แคว้นระดับกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) ของแคว้นคอนญัคทั้ง 6 เขต (Grand Champagne,Petite Champagne,Fins Bois,Bons Bois,Bois Ordinaires,Borderies) ซึ่งผลผลิตในเขตนี้คิดเป็นเพียง 5% ของการผลิตรวมของทั้ง 6 เขต ทำให้คอนยัคจากเขตนี้หายากและมีราคาค่อนข้างสูง สำหรับคามูส์รุ่นที่ชิมเช่น
คามูส์ วีเอสโอพี เอเลกองซ์ (Camus VSOP Elegance) : V.S.O.P. ย่อมาจาก Very Superior Old Pale หรือ Reserve เป็นการคัดเลือกบรั่นดีที่มีอายุน้อยที่ 4 -6 ปีในถังจากนั้นนำไปบ่มต่อ 12-20 ปี คำนี้เริ่มใช้ครั้งแรกในปี 1817…สีทองอำพันเข้ม หอมกลิ่นผลไม้ เช่น ลูกเกด พลัม สับปะรด ซีทรัสโอคกรุ่น ๆ วานิลลา เปลือกส้ม มิเนอรัล ดอกส้ม สไปซี่เฮิร์บ อบเชย จบยาวด้วยสไปซีเฮิร์บ และ ผลไม้
คามูส์ เอ็กซ์โอ เอเลกองซ์ (Camus XO Elegance) : X.O. ย่อมาจาก Xtra Old หรือ Napoléon เป็นอีกรุ่นที่ขึ้นชื่อของคามูส์ รูปแบบขวดเป็นฝาโลหะสีดำ ทรงดีแคนเตอร์เคลือบเงา พร้อมด้วยลายเซ็นต์ของ Cyril Camus ที่สลักลงบนขวด อันเป็นสัญลักษณ์ Chateau du Plessis ของครอบครัวคามูส์ พร้อม QR Code บนกล่องที่ทำให้ติดต่อคามูส์ได้สะดวก …สีทองอัมพันค่อนข้างอ่อน หอมกลิ่นดอกไม้ และผลไม้สุก ๆ เช่น พลัม แอปริคอต แบล็คเบอร์รี และแยมแอปเปิ้ล ตามด้วยฮาเซลนัท ถั่วอบเนย สไปซี่เฮิร์บ เช่น ชะเอมเทศ จันทน์เทศ โป๊ยกั๊ก คาราเมล จบยาวด้วยผลไม้สุก สไปซี่เฮิร์บ และวานิลลา เป็นหนึ่งในคอนยัคที่ละเมียดละไมทั้งกลิ่นและรสชาติ
คามูส์ เอ็กซ์ตร้า ดาร์ก & อินเทนส์ (Camus Extra Dark & Intense) : Extra Cognac นั้นต้องบ่มอย่างน้อย 6 ปี โดยจะคัดสรรถังคอนญัคที่ดีที่สุดจากเอ็กซ์ตรา คอนญัค แล้วถ่ายออกจากถัง จากนั้นนำถังไปให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องถังโอค (Master Cooper) รมไฟด้านในถัง ทีละถัง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและมิติของกลิ่นและรสชาติ เมื่อได้โอคตามที่ต้องการแล้วจึงนำคอนญัคใส่กลับเข้าไปใหม่ แล้วเข้าสู่กระบวนการบ่มพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคามูส์ …สีทองแกมน้ำตาลสดใส หอมกลิ่นเหล้าเครม เดอ คลาสซิส เนย ครีมมี สโมคกี้โอค คาราเมล ผลไม้สุกฉ่ำ เช่น พลัม พรุน ขนมปังขิง ฮาเซลนัท แมคคาเดเมีย ชอกโกแลต ยาสูบ หนังสัตว์ วานิลลา สไปซีเฮิร์บ ชะเอมเทศ จบยาวด้วยผลไม้สุกฉ่ำหอมหวานคล้าย ๆ แยม สไปซี่เฮิร์บ โอคและวานิลลา เป็นคอนยัคที่ฟูลบอดี้
นอกนั้นยังมีคอนญัคอีก 2 รุ่นที่ได้ชิมแต่อยู่ระหว่างการนำเข้า ซึ่งจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไป
“My job is to shape, finish and polish an already great whiskey, and to bring it to a unique level” Patrick Léger ในฐานะมาสเตอร์ เบลนเดอร์ กล่าวไว้เช่นนั้น.
