…
ในเมืองไทยถ้าย้อนเวลากลับไปประมาณเกือบ ๆ 30 กว่าปีที่แล้ว “มูตง กาเดต์” (Mouton Cadet) ถือว่าเป็นไวน์ฝรั่งเศสที่คอไวน์เมืองไทยต้องลิ้มลอง ที่สำคัญก็คือเป็น “ไวน์ครู” ของหลาย ๆ คนที่ใช้ศึกษา เรียนรู้และทำความรู้จักกับไวน์ฝรั่งเศส เนื่องจากราคาไม่แพง แต่ได้ความเป็นฝรั่งเศสครบถ้วน
เจ้าของมูตง กาเดต์คือ บริษัท บาฮรอง ฟิลิป เดอ ร็อธส์ไชลด์ จำกัด (BPDR) แบ่งสายการไวน์เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มชาโตไวน์ (Chateaux Wines) เช่น ชาโต มูตง ร็อธส์ชิลด์ และเซคั่น เลเบิ้ลอีกหลายยี่ห้อ รวมทั้งที่ร่วมหุ้นกับต่างชาติ เช่น โอปุส วัน (Opus One) และอัลมาวีวา (Almaviva) เป็นต้น กลุ่มที่ 2 เป็น แบรนเดดไวน์ (Branded Wines) โดยมีมูตง กาเดต์ เป็นไวน์เรือธง
มูตง กาเดต์ เป็นที่รู้จักของคอไวน์ทั่วโลก ในฐานะไวน์ที่โด่งดังที่สุดของ AOC Bordeaux (Appellation Bordeaux Controlee) เริ่มเปลี่ยนโฉมใหม่เมื่อประมาณ 14-15 ปีที่ผ่านมา ถูกผสมผสานให้มีรสชาติที่นุ่มนวล และสดชื่นขึ้น ทำให้ดื่มง่ายขึ้น พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเก็บเกี่ยวองุ่นจนกระทั่งการหมักบ่ม สามารถดื่มกับอาหารได้หลากหลายขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ในต่างประเทศให้ความเห็นว่า Mouton Cadet อาจจะเรียกว่าเป็นไวน์กู้เศรษฐกิจของชาวไวน์ฝรั่งเศสก็คงไม่ผิดนัก จากการที่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสต้องสูญเสียสภาพพื้นที่การเกษตร เพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะเก็บเศษวัตถุระเบิดให้ออกไปจากพื้นที่ได้ ขณะที่ตระกูลรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ซึ่งนาซีถือว่าเป็นคนยิว แตกกระสานซ่านเซ็น บ้างถูกส่งไปค่ายนรก บ้างก็หนีออกไปนอกประเทศ
แม้แต่ภริยาของบาฮรอง ฟีลิปป์ เดอ ร็อธส์ไชลด์ ที่เป็นชาวฝรั่งเศสแท้ๆ และฝรั่งเศสก็ซูฮกกับนาซี ก็ยังไม่รอด เธอถูกทหารนาซีบุกเข้าไปสังหารในแฟลตที่พักกลางกรุงปารีสต่อหน้าลูกสาว ซึ่งต่อมาคือบาฮรอนเนส ฟีลีปปิน เดอ รอธส์ไชลด์ ทายาทที่ดูแลบริหาร BPDR (เสียชีวิตเมื่อปี 2014) เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในการส่งออกไวน์ ตระกูลร็อธส์ไชลด์จึงจำเป็นต้องทำไวน์ราคาย่อมเยาส่งไปขายทั่วโลก ปี 1927 มีการผลิตไวน์ภายใต้ชื่อ “เลส์ คาร์ฮรูดีส เดอ มูตอง ร็อธส์ชิลด์” (Les Carruades de Mouton Rothschild) ด้วยการซื้อองุ่นจากเกษตรกรในบอร์กโดซ์ ให้ทุกคนได้มีเงินหมุนเวียนอยู่รอด ปี 1930 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Mouton Cadet และเติบโตราวจรวด หยุดชะงักบ้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏโฉมอีกครั้งในปี 1947 จนยิ่งใหญ่มาถึงปัจจุบัน
ปลายทศวรรษที่ 1950 Mouton Cadet ถูกส่งไปให้คอไวน์อังกฤษได้ลิ้มลอง และกลายเป็นไวน์ที่ชาวเมืองผู้ดีหลงใหล จากนั้นจึงเข้าไปครองใจคอไวน์ในสหรัฐช่วงทศวรรษที่ 1960 – 1980 จนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ Mouton Cadet ส่งออกไปกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ปี 2002 เป็นหนึ่งในไวน์ที่ขายดีที่สุดในโลกคือกว่า 15 ล้านขวด ประการสำคัญ Mouton Cadet ได้รับการยกย่องว่าเป็น “Bordeaux’s Most Successful Brand”
ในงาน Vinexpo 2018 ที่ฮ่องกงเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 ผมได้ชิมMouton Cadet โฉมใหม่ ซึ่งฉลากออกแบบใหม่ตรงมุมซ้ายด้านบน มีรูปโค้ง ๆ เหมือนเขาแกะ สีของแคปซูล ถูกออกแบบให้ต่างกันด้วย เช่น Mouton Cadet Red แคปซูลสีแดง Mouton Cadet White แคปซูลสีทอง Mouton Cadet Rose แคปซูลสีเงิน และ Mouton Cadet Sauvignon Blanc แคปซูลสีเขียว เป็นต้น
ล่าสุดเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ร้าน Oak Wine Valley ซอยสุขุมวิท 50 ร่วมกับบริษัท แอมโบรส ไวน์ แอนด์ สปิริต จำกัด (Ambrose Wine & Spirit Co,Ltd.) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายไวน์มูตง กาเดต์ อย่างเป็นทางการ ได้จัดงานชิมไวน์มูตง กาเดต์รุ่นรีเสิร์ฟ (Reserve) จำนวน 6 รุ่น เป็นไวน์ขาว 2 รุ่น และไวน์แดง 4 รุ่น โดยมีนาย Emmanuel Giry ในฐานะ Regional Director South East Asia คนใหม่มาแนะนำไวน์ โดยไวน์ขาว 2 รุ่นมีดังนี้
มูตง กาเดต์ บอร์กโดซ์ เอโอซี รีเสิร์ฟ 2017 (Mouton Cadet, Bordeaux AOC Reserve 2017) : ไวน์ขาวตัวแรกเป็น Bordeaux AOC ที่สามารถใช้องุ่นจากทุกพื้นที่ในเมืองบอร์กโดซ์มาทำได้ ทำจาก โซวีญยง บลอง (Sauvignon Blanc) 70%,เซมิลลง (Semillon) 28% และมุสกาเดลล์ (Muscadelle) 2%…สีเหลืองทองอ่อน ๆ หอมกลิ่นผลไม้ เช่น แพร์ แอปริคอต แอปเปิ้ล เลมอน สับปะรด มะกอกสด วานิลลา อบเชย ซีดาร์ บัตเตอร์ โอคกรุ่น ๆ พืชผักสีเขียว หญ้าสด มิเนอรัล แอซสิดดีมากดื่มแล้วสดชื่น จบด้วยผลไม้ เฮิร์บ และขมนิด ๆ
มูตง กาเดต์ กราฟ เอโอซี รีเสิร์ฟ 2016 (Mouton Cadet,Grave AOC Reserve 2016) : ตัวนี้เป็น Grave AOC ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองบอร์กโดซ์ ต้องใช้องุ่นที่ปลูกใน อ.กราฟเท่านั้น ทำจาก เซมิลลง (Semillon) 53% โซวีญยง บลอง (Sauvignon Blanc) 41 % และมุสกาเดลล์ (Muscadelle) 6 % บ่มโอคฝรั่งเศส 12 เดือน …สีเหลืองทองอ่อน ๆ แกมเขียว หอมกลิ่นเลมอน ซีททรัส ตะไคร้ แอปริคอต มะกอกเขียว สไปซี เฮิร์บสด ๆ มิเนอรัลโดดเด่นมาก แอซสิดสดชื่นกำลังดื่มอร่อย
ส่วนไวน์แดง 4 ตัวมาจาก 4 เอโอซี โดยไวน์แดงรุ่น Reserve นั่นเริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 1996 มีดังนี้
มูตง กาเดต์ บอร์กโดซ์ เอโอซี รีเสิร์ฟ 2017 (Mouton Cadet Bordeaux AOC Reserve 2017) : รุ่นนี้เป็นเอโอซี บอร์กโดซ์ (AOC Bordeaux) ทำจาก แมร์โลต์ (Merlot) 87% กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 8 % และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 5 % บ่มโอคฝรั่งเศส 12 เดือน…สีแดงเข้มสดใส หอมกลิ่นผลไม้เปลือกแดงและดำ เช่น พลัม เชอร์รี แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ โอคกรุ่น ๆ กาแฟคั่ว วานิลลา สไปซี เปปเปอร์ อบเชย มิเนอรัล แทนนินนุ่ม ๆ แอซสิดปานกลาง จบด้วยผลไม้ เฮิร์บ กำลังพร้อมดื่ม
มูตง กาเดต์ เมด็อก เอโอซี รีเสิร์ฟ 2016 (Mouton Cadet Medoc AOC Reserve 2016) : ตัวนี้เป็น Medoc AOC ซึ่งเป็นเขตเล็กกว่าตัวแรก จากการที่ Medoc เป็นอำเภอหนึ่งในเมือง Bordeaux แน่นอนคุณภาพของไวน์ย่อมมีเอกลักษณ์กว่า ทำจาก กาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 50 % แมร์โลต์ (Merlot) 45 % กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 5 %….สีแดงเข้มสดใส หอมกลิ่นผลไม้เปลือกดำเป็นหลัก เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม สไปซี เฮิร์บ อบเชย เปปเปอร์ โอคกรุ่น ๆ แทนนินหนักแน่นแต่นุ่มนวล แอซสิดสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้ เฮิร์บ เป็นไวน์ฟูลบอดี้ที่สดชื่นดื่มง่าย
มูตง กาเดต์ กราฟ เอโอซี รีเสิร์ฟ 2016 (Mouton Cadet Grave AOC Reserve 2016) : ตัวนี้เป็น Grave AOC ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในเมือง Bordeaux เช่นเดียวกับ Medoc แต่ดินฟ้าอากาศหรือแตร์รัว (Terroir) ต่างกัน ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 61 % กาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 31 % กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 8 % …สีแดงเข้าปานกลางสดใส หอมกลิ่นผลไม้เปลือกแดงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรดเบอร์รี เชอร์รี และสตรอว์เบอร์รี ส่วนผลไม้เปลือกดำมีพลัม และแบล็คเบอร์รี่ ตัวนี้มีมิเนอรัลมากกว่าทุกตัวที่ชิมในคืนนี้ สไปซีเฮิร์บ โอคกรุ่น ๆ ควันไฟ แทนนินค่อนข้างหนักแต่นุ่ม แอซสิดสดชื่นดื่มอร่อย จบยาวด้วยผลไม้ และมิเนอรัล
มูตง กาเดต์ แซงเตมิยอง เอโอซี รีเสิร์ฟ 2016 (Mouton Cadet Saint-Emilion AOC Reserve 2016) : ตัวนี้ต่างจากทุกตัว ที่เป็นไวน์ฝั่งซ้าย (Left Bank) ส่วนตัวนี้เป็นไวน์ฝั่งขวา (Right Bank) ที่ใช้องุ่นแมร์โลต์ (Merlot) เป็นหลัก โดยตัวนี้ใช้แมร์โลต์ถึง 88 % กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 11 % และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 1 % …สีแดงเข้มสดใส หอมกลิ่นผลไม้เปลือกดำและเปลือกแดง เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ สตรอว์เบอร์รี และเชอร์รี สไปซี่ เปปเปอร์ อบเชย กาแฟคั่ว วานิลลา มิเนอรัล โอคกรุ่น ๆ ควันไฟ แทนนินนุ่ม ๆ แอซสิดสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้ เฮิร์บ และโอค
ทั้งหมดนั้นคือ Mouton Cadet รุ่น Reserve จำนวน 6 ตัว ซึ่งนาน ๆ จะได้ชิมครบถ้วนอย่างนี้สักครั้ง ท่านที่สนใจลองหามาชิมกัน .
