“ภูติวิญญาณในวันเชงเม้ง นึกอยากจะจิบสุราเฝินจิ่วอีกสักครา เสมือนครั้งยังมีลมหายใจ”
“ตู้มู่” ยอดกวีในราชวงศ์ถัง เปรียบเปรยรสชาติของสุรา “เฝินจิ่ว” ว่า “แม้แต่ผีในวันเชงเม้งยังนึกอยากจิบสุราเฝินจิ่วอีกครั้งเหมือนตอนมีชีวิตอยู่…”
“เฝินจิ่ว” เป็นยอดสุราที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลักฐานการขุดค้นพบข้อมูลการทำเฝินจิ่วในหมู่บ้านซิงฮวา แห่งมณฑลชานซี สามารถย้อนรอยไปได้ถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในช่วงยุควัฒนธรรมหลงซาน
กว่า 4,000 ปีที่แล้ว ผู้ที่ชื่นชอบบอกว่าเฝินจิ่ว เป็นสุรากลิ่นหอม หวาน อ่อนโยนเป็นพิเศษ แฝงไปด้วยจิตวิญญาณแบบเหล้าจีน
“เฝินจิ่ว” เป็นเหล้ากลั่นจากหมู่บ้านซิงฮวา (Xinghua Cun) ปัจจุบันคือตั้งอยู่ที่เมืองเฟินหยาง (Fenyang) ในมณฑลซานซี (Shanxi) มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3- 4 พันปี เริ่มตั้งแต่กษัตริย์เป่ยฉีหวู่ (Bei Qiwu) ยาวนานถึง 24 ราชวงศ์
นอกจาก “ข้าวเกาเหลียง (Sorghum)” หรือ “ข้าวฟ่างแดง” จะเป็นวัตถุดิบสำคัญ “เฝินจิ่ว” แล้ว ก็ยังมี “น้ำ” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ จากการที่ภูมิศาสตร์เฉพาะของหมู่บ้านซิงฮวา ทำให้มีแหล่งน้ำที่นี่นั้นมีความพิเศษ มีความสะอาด และอุดมไปด้วยแร่ธาตุ
“เฝินจิ่ว” ได้รับการยกย่องจากเซียนสุราตั้งแต่ครั้งโบราณว่าเป็น “3 ประสานเหนือเมฆา” ประกอบด้วย
1.สี สวย ใสกระจ่าง ดุจแม่น้ำแห่งสรวงสรรค์
2.กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ จนผู้นิยมสุราถึงกับต้องหลงใหล ต่างจากเหล้าในแถบใต้ของจีนที่มักกลิ่นแรงฉุน
3.รสชาติ กลมกล่อมเพราะใช้น้ำพุธรรมชาติที่มีรสหวานเป็นวัตถุดิบในการกลั่น
กล่าวถึง “ชานซี” (Shānxī) ถิ่นกำเนิดของ “เฝินจิ่ว” นั้นในช่วงที่ยังไม่มีโควิด-19 ระบาดนั้น เป็นหนึ่งในดินแดนที่เรียกนักท่องเที่ยวได้จากทั่วโลก รวมทั้งคนไทย เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและหลายรูปแบบ รวมทั้งที่เป็นมรดกโลก นับเป็นดินแดนที่มีเสน่ห์แห่งหนึ่งของจีน
“ซานซี” โด่งดังครั้งล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2020 เมื่อร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเฉินจวงของอำเภอเซียงเฝิน มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่าครึ่งร้อย เป็นเรื่องของอุบัติเหตุที่ไม่มีใครสามารถเดาล่วงหน้าได้
ชานซี (Shānxī) เรียกตามสำเนียงกลาง ถ้าตามสำเนียงฮกเกี้ยนเรียกว่า ซัวไซ เป็นมณฑลหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศ เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของมณฑลคือไท่หยวน
คำว่า “ชานซี” แปลว่า “ทิศตะวันตกของภูเขา” เนื่องจากมณฑลนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขาไท่หังทางทิศตะวันออกของมณฑลติดกับมณฑลเหอเป่ย ทิศใต้ติดกับมณฑลเหอหนาน ทิศตะวันตกติดกับมณฑลส่านซี และทิศเหนือติดกับเขตปกครองตนเองมองโกเลีย ภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง บางส่วนถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขา เป็นแหล่งผลิตถ่านหินชั้นนำ มีถ่านหินประมาณ 1 ใน 3 ของถ่านหินทั้งหมดในจีน
อย่างไรก็ตามการเกษตรกรรมก็ยังนับเป็นสิ่งสำคัญ จากภูมิประเทศที่เอื้อต่อการเพาะปลูก ทำให้สามารถปลูกพืชผักผลไม้ได้หลายอย่าง รวมทั้งผลไม้ที่นอกจากจะใช้อุปโภคบริโภคแล้ว ที่เหลือยังนำมากลั่นเป็นเหล้า เพื่อใช้บรรเทาความหนาวเหน็บ เพราะทางเหนือของชานซีติดกับมองโกเลียที่อากาศหนาวเย็น
เดือนมีนาคม 2021 ทีมงานของศาสตราจารย์หยาง อี้หมิน จากคณะโบราณคดีและมานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (University of Chinese Academy of Sciences) ร่วมกับสถาบันวิจัยโบราณคดีมณฑลซานซี มีการค้นพบกากเหล้าผลไม้ที่ตรวจพบในซากของเหลวและตะกอนที่ขุดพบในสุสานเป่ยป๋ายเอ๋อ สมัยราชวงศ์โจว ในมณฑลซานซี
หลังจากที่นักวิจัยได้วิเคราะห์เศษของเหลวที่พบในกาสัมฤทธิ์ และตัวอย่างดินที่ก้นภาชนะแล้วก็พบว่า ของเหลวในกาสัมฤทธิ์มีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จำนวนมากเช่น เอทานอล กรดอะซิติก และเอทิลอะซิเตต ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเหล้าโบราณที่ทำจากผลไม้ ซึ่งทำในยุคก่อนราชวงศ์ฉิน ที่สำคัญเป็นหลักฐานการค้นพบที่เก่าแก่ที่สุดของเหล้าผลไม้ที่พบในเอเชียตะวันออกด้วย
อย่างไรก็ตามเหล้าขาวที่มีชื่อเสียงของชานซีก็คือ “เฝินจิ่ว” (Fenjiu) ดังกล่าวในตอนแรก เดิมทีทำจาก “ข้าวฟ่างแดง” หรือ “ข้าวเกาเหลียง (Sorghum) ในยุคต่อ ๆ จนถึงปัจจุบันมีการใช้ถั่วและข้าวบาร์เลย์เป็นวัตถุดิบผสมลงไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้คงจะเป็นสูตรเด็ดเคล็บลับของคนกลั่น แอลกอฮอล์ประมาณ 42-53 ดีกรี ขึ้นอยู่กับแต่ละตัว ปัจจุบันมีกำลังการผลิตปีละ 15,000 ตัน
หลังสถาปนาประเทศจีนใหม่ (ปี 1949) อุตสาหกรรมการผลิตเหล้าพัฒนาไปตามเศรษฐกิจและการยกระดับการครองชีพของคนจีน ประเทศจีนเคยจัดงานการประกวด “สุรายอดเยี่ยม” ทั่วประเทศถึง 3 ครั้ง และมีการตัดสินเหล้าดีมีชื่อ 22 ชนิด เหล้าดีคุณภาพเยี่ยม 58 ชนิด
ในปี 1980 มีการพิมพ์สารานุกรม สุราดีมีชื่อของจีน แบ่งสุราดีของจีนเป็น 5 ชนิดใหญ่ๆ คือ เหล้าขาว เหล้าเหลือง เหล้าองุ่น เหล้าผลไม้ และเบียร์ สำหรับในประเภทเหล้าขาว หรือ “ไป๋จิ่ว” (Baijiu) นั้น “เฝินจิ่ว” เป็น 1 ใน 10 ไม่ธรรมดาเลย
ในประเทศไทย บริษัท สยาม ดรากอน เอเชีย แปซิฟิก จำกัด เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเหล้าเฝินจิ่วอย่างเป็นทางการ และมอบให้บริษัทในเครือคือ เอซ พี ซัพพลาย มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นผู้ทำการตลาด ซึ่งมีทั้งไวน์และสปิริตหลายแบรนด์
นายปิยพงษ์ กาญจนธานนท์ CEO บริษัทดังกล่าวบอกว่า
“เฝินจิ่วเป็นเหล้าขาวจีนที่มีประวัติเก่าแก่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน การผลิตจะพิถีพิถันตามวิธีการดั้งเดิมคือ ใช้คนในการผลิตทุกขั้นตอน ทำให้ได้เหล้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความหอมของสมุนไพรนานาชนิด มีความซับซ้อนของกลิ่นและรสชาติสูงมาก และในขณะเดียวกันก็จะมีความนุ่มนวล ละมุนในลำคอ”
สำหรับ “เฝินจิ่ว” ที่ผมได้ชิมประกอบด้วย 2 รุ่นคือรุ่น 20 ปี และ 30 ปี ก่อนชิมผมแยกเหล้าเป็น 2 ส่วน ๆ แรกรินใส่แก้วธรรมดาไว้ ที่เหลืออยู่ในขวดที่เป็นคล้ายกระปุกเคลือบใส่ตู้เย็นไว้ ทุกวันนี้ก็ยังมีเหลืออยู่ในตู้เย็น แต่ร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ เพราะกินข้าวเย็นเสร็จผมก็ทำให้ท้องไม่อืดวันละแก้ว ซึ่งแก้วก็เป็นแก้วเล็ก ๆ คล้ายแก้วเหมาไถ แต่อวบอ้วนกว่าเล็กน้อย ความจุของแก้วเขาทำมาพอดีให้กระดกครั้งเดียว เพื่อกำซาบกลิ่นและรสของเฝินจิ่วได้เต็มที่ ไม่ต้องการการจิบที่ละนิด ๆ
จากการชิมเปรียบเทียบ ปรากฏว่าส่วนที่แช่ในตู้เย็นกลิ่นและรสชาติดีกว่าที่ไม่ได้แช่ ส่วนหนึ่งน่าจะเนื่องด้วยถิ่นกำเนิดของเฝินจิ่วมาจากสภาพภูมิประเทศเย็นค่อนข้างจัด เวลาชิมก็ควรจะให้เย็น เปรียบเหมือนบ้านเราที่อากาศร้อน การเอาเหล้าขาวของเราไปแช่เย็นจะไม่ได้อรรถรส เป็นต้น
“เฝินจิ่ว ซิงฮวา 20 ปี ชานซี จีน” (Fenjiu Qinghua 20 years Shanxi, China) : เรียกสั้น ๆ ว่ารุ่น 20 ปี แอลกอฮอล์ 42% สีใส สะอาด ชิมจากแก้วที่ไม่แช่เย็นกลิ่นค่อนข้างแรงฉุนเฉียว ส่วนแก้วที่เย็นกลิ่นหอมอบอวล ค่อนข้างละมุน มีกลิ่นข้าว มิเนอรัล ดอกไม้ เฮิร์บแห้ง ๆ จบค่อนข้างยาวด้วยกลิ่นข้าว และสไปซี่เฮิร์บชุ่มคอ เป็นรุ่นที่น่าจะทำค็อกเทลได้หลากหลาย…..19/20 คะแนน
“เฝินจิ่ว ซิงฮวา 30 ปี ชานซี จีน” (Fenjiu Qinghua 20 years Shanxi, China) : เรียกสั้น ๆ ว่ารุ่น 30 ปีแอลกอฮอล์ 48% เป็นรุ่นที่เรียกว่า “กลิ่นหอมละมุนและอบอวล” (Light Fragrance) อย่างแท้จริง สีใส สะอาดสะอ้าน หอมกลิ่นข้าว โดยเฉพาะรำข้าวที่ออกจากโรงสีใหม่ ๆ หอมละมุนมาก กลิ่นกลีบดอกไม้แห้ง ๆ สไปซี่เฮิร์บคล้าย ๆ จันทร์เทศ หวาน ๆ ติดปากและลิ้น เอิร์ธตี้ ควันไฟเหมือนเผากะลามะพร้าวกรุ่น ๆ รสกลมกล่อม ชิมแล้วชวนให้หลงใหล จบยาวด้วยข้าวและเฮิร์บหวานลิ้นชุ่มคอ เป็นเหล้าจีนที่ควรชิมสักครั้งในชีวิต…19.5/20 คะแนน
มีคนบอกว่า”มณฑลซานซี” เป็นสถานที่ที่รวบรวมความเป็นที่สุดของเมืองจีนเอาไว้ ทั้งสถานที่เที่ยวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหมู่ถ้ำสำคัญ 1ใน 3 ของจีน,พื้นที่มรดกโลก, ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 4 ของจีน,น้ำตก,เมืองโบราณ,บ้านโบราณและวัดวาอาราม แต่การมี “เฝินจิ่ว” ย่อมทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
ท่านที่สนใจ “เฝินจิ่ว” สอบถามที่ บริษัท เอซ พี ซัพพลาย มาร์เก็ตติ้ง จำกัด โทร 02 682 5981-4 หรือ 081 619 1823