แหล่งผลิตไวน์ของเมืองบอร์กโดซ์ เรียงรายอยู่ 2 ฝั่ง แม่น้ำฌีฮรองด์ (Gironde) ฝั่งขวา (Right Bank) มีหัวหอกอย่างแซงเตมิยอง (St.Emilion) ส่วนฝั่งซ้าย (Left Bank) เป็นของอำเภอเมด็อก (Medoc) ที่มีตำบลผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมอยู่หลายแห่ง และเป็นผู้ครองความยิ่งใหญ่มาโดยตลอด ขณะที่ไวน์ฝั่งขวามาเงียบ ๆ
ไวน์ฝั่งขวาแม้จะมีชาโต เปตรุส (Chateau Petrus) แห่งปอเมอโฮรล (Pomerol ) เป็นตัวเชิดหน้าชูโรงในฐานะไวน์แพง ๆ อันดับทอปทรี แต่เมื่อเทียบกันในด้านการตลาด ก็ยังเป็นรองฝั่งซ้ายอยู่นั่นเอง กระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาไวน์ฝั่งขวาได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมี St.Emilion และ Pomerol นำหน้า ขณะที่เขตเล็ก ๆ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน แต่คอไวน์ตัวจริงเสียงแท้จะรู้ว่าเขตเล็ก ๆ นี่แหละทำไวน์ได้คุณภาพเหนือราคาร หนึ่งในจำนวนนั้นคือ โก๊ต เดอ คาสติลยอง (Côtes de Castillon)
Côtes de Castillon เป็นดินแดนโบราณแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ตอนที่ผมไปนั้นมีคนแก่ ๆ เล่าให้ฟังว่า เก่าแก่ย้อนไปตั้งแต่สมัยโรมันโน่น นอกจากผลิตไวน์ได้คุณภาพแล้ว ยังมีทิวทัศน์ที่งดงาม เดิมชื่อคอมมูน Belvès-de-Castillon แปลว่า “beautiful view of Castillon” ส่วนชื่อ Côtes de Castillon ว่ากันว่าได้มาหลังจากชุมชน Castillon-la-Bataille ซึ่งเป็นชุมชนที่ก่อกำเนิดหลังจบสงคราม 100 ปี ในปี 1453
Côtes de Castillon มีพื้นที่ปลูกองุ่นประมาณ 7,500 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2.6 ไร่) เรียงรายอยู่บนเนินเขาทาตะวันออกของแซงเตมิยอง (St Emilion) และทางใต้ของฟรองซาค (Fronsac) ฝั่งเหนือของแม่น้ำดอร์ดอญ (Dordogne) แน่นอนเป็นไวน์ฝั่งขวา (right bank) และได้รับอิทธิพลจากแม่น้ำกาฮรอน (Garonne) และ Dordogne เช่นเดียวกับ 2 เขตดังกล่าว ขณะที่ไร่องุ่นส่วนใหญ่พื้นที่น้อยกว่า 25 เอเคอร์ สภาพพื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินเหนียว (Clay) แต่ถ้าบนเนินเขาเป็นดินเหนียว และหินปูน (limestone) ขณะที่ด้านล่างเป็นดินทรายผสมหินกรวด
Cote de Castillon ผลิตไวน์ด้วยการใช้องุ่นแมร์โลต์เป็นหลัก (Merlot-based) เหมือนเพื่อนบ้านฝั่งขวาด้วยกัน ต่างกันเพียงแต่ว่ารสชาติไม่ได้ซับซ้อนและอลังการเหมือนปอเมอโฮรล (Pomerol) แต่มีเสน่ห์ตรงความกลอมกล่อม ที่สำคัญราคาไม่โหดเหมือนเพื่อนร่วมบ้าน รวมทั้งไวน์บอร์กโดซ์เขตอื่น ๆ ทำให้คอไวน์สามารถดื่มด่ำได้อย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่สามารถดื่มได้ขณะที่เป็นไวน์ใหม่
แม้จะเป็นเขตเล็ก ๆ แต่ AOC Côtes de Castillon ก็เป็นที่หมายปองของผู้ผลิตไวน์ในบอร์กโดซ์ เช่นตระกูล Perse เจ้าของ Chateau Pavie 1 ใน 4 ของPremier Cru Classé Saint milion มี 3 ชาโต chateaux คือ Chateau Clos l’Eglise, Les Clos Lunelles และ Château Sainte Colombe ขณะที่ Count Stefan von Neipperg เจ้าของ Château Canon La Gaffelière,Grand Cru Classé Saint-Emilion ก็มี Château d’Aiguilhe และ Francois Despagne เจ้าของ Château Grand Corbin Despagne ก็มี Château Ampelia เป็นต้น
Côtes de Castillon ประกอบด้วย 9 คอมมูนคือ : Belvès-de-Castillon, Castillon-la-Bataille, Saint-Magne-de-Castillon, Gardegan-et-Tourtirac, Sainte-Colombe, Saint-Genès-de-Castillon, Saint-Philippe-d´Aiguilhe, Les Salles-de-Castillon และ Monbadon ขณะที่ชาโตไวน์ดัง ๆ มีหลายแห่ง ผลิตไวน์รวมกันได้ประมาณปีละ 1.5 ล้านลัง
เดิมไวน์จากเขตนี้ใช้ชื่อ AOC Cotes de Bordeaux Castillon ซึ่งเริ่มก่อตั้งในปี 1985 โดยประธานของ 5 Cote ร่วมกันก่อตั้ง Association des Cotes de Bordeaux ก่อนจะมาเป็น Les Cinq Cotes de Bordeaux ปลายปี 2003 จึงก่อตั้ง Cotes de Bordeaux appellation หลังจากปี 2009 เป็นต้นมาจึงใช้ AOC Côtes de Castillon ผลิตเฉพาะไวน์แดงเท่านั้น จากองุ่น Merlot เป็นหลักตามสไตล์ไวน์ฝั่งขวาดังกล่าวข้างต้น ตามด้วยกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) และกาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) และอาจจะมีผงชูรสอย่างมาลเบค (Malbec),เปติต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) และคาร์เมเนเร (Carmenere)
หนึ่งในจำนวนผู้ผลิตไวน์ระดับคุณภาพของ Côtes de Castillon ก็คือชาโต ปูปิลล์ (Chateau Poupille) ซึ่ง นายฟิลิปเป คาร์ริลล์ (Philippe Carrille) ทายาทของชาโตและเป็นไวน์เมกเกอร์ด้วย เดินทางมาเมืองไทยเมื่อไม่นานมานี้ ตามคำเชิญของบริษัท Wine5 ผู้นำเข้า เพื่อแนะนำไวน์ของเขาหลายวินเทจ
Philippe Carrille เป็นไวน์เมกเกอร์ที่มีความมั่นใจสูง เขาบอกผมว่า Poupille มีต้นกำเนิดมานับร้อยปี ก่อนที่ครอบครัวของเขาจะได้มาครอบครอง โดยพ่อของเขาซื้อมาในปี 1967 และเขามารับหน้าที่แทนพ่อเต็มตัวในปี 1993 อยู่ในตำบลแซงต์ คอลอมบ์ (Sainte Colombe) ผลิตไวน์ด้วยองุ่นแมร์โลต์เป็นหลักมีพันธุ์อื่นผสมบ้าง บางรุ่นและบางวินเทจใช้แมร์โลต์ล้วน ๆ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพขององุ่นของเขา ผลิตไวน์ตัวหลักชื่อ Poupille และตัวรองชื่อ Chateau Poupille
ที่สำคัญได้รับการยกย่องว่าเป็น “Le Petit Petrus” หรือเจ้า “เปตรุสน้อย” เพราะสามารถผลิตไวน์ด้วยองุ่นแมร์โลต์คุณภาพน้อง ๆ ชาโต เปตรุส (Chateau Petrus) ไวน์แพงระดับหัวแถวของโลกจาก Pomerol ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
Poupille,Côtes de Castillon 2003 : ทำจากแมร์โลต์ล้วน ๆ สีแดงสดใสขอบส้มนิด ๆ กลิ่นหอมผลไม้สุก เช่น แบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รี พลัม เชอร์รี และพรุน นอกจากนั้นยังมีกลิ่นเห็ด เอิร์ธตี้ ยาสูบ และสไปซีเฮิร์บ แทนนินนุ่ม ๆ จบด้วยผลไม้สุกและเฮิร์บชุ่มคอ กำลังสุกพร้อมดื่ม
Poupille,Côtes de Castillon 2005 : หนึ่งในวินเทจดีมากของเขา สีแดงเข้มสดใส มีกลิ่นหอมของผลไม้สุกโดดเด่น เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แร้นท์ และพลัม นอกนั้นยังมีกาแฟคั่ว ยาสูบ สไปซี่เฮิร์บ เอิร์ธตี้ มิเนอรัล แทนนินปานกลางและเริ่มสุก แอซสิดรองรับกับผลไม้ดีมาก ทำให้ดื่มแล้วสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้สุกและเฮิร์บ เป็นไวน์ที่ควรได้ดื่มสักครั้ง
Poupille,Castillon 2009 : ตัวนี้ Philippe Carrille บอกว่าเป็นไบโอไดนามิก (Biodynamic) คือไม่ใช้สารเคมีในการผลิต สีแดงสดใส หอมกลิ่นผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และบลูเบอร์รี พร้อมทั้งกาแฟคั่ว หนังสัตว์ มิเนอรัล และเฮิร์บ แทนนินปานกลาง จบยาวด้วยผลไม้สุก
Poupille เจ้าของฉายา “เปตรุสน้อย” นับเป็นไวน์เขตเล็กที่คุณภาพเกินราคาอย่างแท้จริง และควรลิ้มลองสักครั้งในชีวิต..