วันที่ 16 มี.ค.2019
ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องการระเบิดของภูเขาไฟเอตนา (Mount Etna) ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป บนเกาะซิซิลี (Sicily) ในประเทศอิตาลี มีผู้บาดเจ็บ 10 คน ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มีทั้งผู้สื่อข่าว นักท่องเที่ยว ไกด์นำเที่ยว และนักวิทยาศาสตร์ที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของภูเขาไฟ ส่วนใหญ่มีบาดแผลถลอก เลือดไหลที่ศีรษะ และรอยไหม้จากผลของหินและลาวาที่ปะทุขึ้นมา ในจำนวนนี้ 6 คนต้องนำส่งโรงพยาบาล
ได้ยินได้ดูข่าวนี้แล้วทำให้เกิดความวิตกในหมู่คนรักไวน์ เพราะ Mt. Etna เป็นหนึ่งในเขตผลิตไวน์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งในแวดวงการผลิตไวน์ของเกาะซิซิลี ปัจจุบันมีฐานะเป็น DOC (Denominazione di Origine Controllata) ซึ่งได้รับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 กันยายน 1968 ผมมีโอกาสไปเขตนี้ 2 ครั้ง ๆ ล่าสุดเมื่อประมาณ 7- 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นบอกได้เลยว่าถ้าสั่งมาขายเมืองไทยมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ไวน์เอตนายังไม่เป็นที่รู้จักในเมืองไทย ปัจจุบันเริ่มมีผู้นำเข้ามาบ้างแล้ว ขอบอกว่าไม่ควรพลาดในการลิ้มรส
ที่สำคัญจากการที่มีการเปรียบเทียบแหล่งผลิตไวน์ทั่วโลกว่าเหมือนกับแค้นเบอร์กันดีของฝรั่งเศส Etna DOC ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น มีการเทียบกับเขตโก๊ตดอ (Côte-d’Or) ซึ่งทั้ง Etna DOC และ Côte-d’Or มีขนาดพื้นที่ที่เท่ากันรวมทั้งการลาดเอียงจากเนินเขา โดย Côte-d’Or ลาดเอียงจากเนินเขาไปทางตะวันตก ขณะที่ไร่องุ่นใน Etna DOC ครอบคลุมรอบ ๆ เชิงเขา ผลิตไวน์ในสไตล์ที่คล้ายกันคือสละสลวยและหอมกรุ่นอบอวล (elegant & aromatic)
องุ่นถูกนำเข้าในเนินเขาเอตนาประมาณ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยชาวกรีซโบราณ ปัจจุบันองุ่นอายุเป็นร้อย ๆ ปีก็ยังคงอยู่โดยเฉพาะองุ่นพื้นเมือง ขณะเดียวกันเสริมองุ่นสายพันธุ์คลาสสิคจากยุโรปเข้าไปด้วย
Etna DOC กินพื้นที่ทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ของเนินเขารอบภูเขาไฟเอตนา (Etna volcano) ประกอบด้วยหมู่บ้าน (communities) คือ Biancavilla, S.Maria di Licodia, Paterno, Belpasso, Nicolosi, Pedara, Trecastagni, Viagrande, Aci S.Antonio, Acireale, S. Venerina, Giarre, Mascali, Zafferana, S.Alfio, Piedimonte, Linguaglossa, Castiglione, Randazzo และ Milo เขตเดียวที่ผลิตไวน์ขาวจากองุ่น Carricante คุณภาพเยี่ยมคือ Bianco Superiore
ไวน์แดงของเอตนาทำจากองุ่นเนเรลโล มัสกาเลเซ (Nerello Mascalese) องุ่นที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของไวน์แดงเอตนา (Etna Rosso) สันนิฐานว่ามีต้นกำเนิดที่เมืองกาตาเนีย (Catania) ห่างจากภูเขาไฟเอตนาประมาณ 30 กม. ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าองุ่นนี้แอซสิดและแทนนินคล้าย ๆ เนบบิโอโล (Nebbiolo) ขณะที่บอดี้และความสละสลวยคล้ายปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) และองุ่นเนเรลโล คัปปุชชิโอ (Nerello Cappuccio) ที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์แดงเอตนา (Etna Rosso) เช่นกัน เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของไวน์แดงเบลนด์ Etna Rosso DOC ค่อนข้างฟูลบอดีและแอซสิดไม่สูง แต่ทั้งคู่มีกลิ่นผลไม้หลัก ๆ ที่คล้ายกันคือเชอร์รี และสตรอว์เบอร์รี ตามด้วยขนมปังปิ้ง และหนังสัตว์ ขณะที่บางพื้นที่มีสไปซี และกลิ่นอายของภูเขาไฟด้วย
ส่วนองุ่นเขียวประกอบด้วยการ์ริกันเต (Carricante) เป็นองุ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเอตนา และปลูกอย่างกว้างขวางในเอตนา แต่ถ้าเป็นไวน์ขาวเกรดซูเปริโอเล (Superiore) จะต้องผลิตในหมู่บ้านมีโล (Milo) เท่านั้น ขณะที่กาตาร์รัตโต (Catarratto) ปลูกทั่วไปบนเกะซิซิลี และมีเนลลา เบียงกา (Minella Bianca) เป็นองุ่นดั้งเดิมที่หายากปลูกบนเนินเขาเอตนา คำว่า Minnella ในภาษาพื้นเมืองหมายถึง “Breast”
สำหรับข้อบังคับในการทำไวน์ของเอตนา ดีโอซี (Etna DOC) มีดังนี้
เอตนา ดีโอซี เบียงโก (Etna DOC Bianco) จะต้องทำจากองุ่น Carricante อย่างน้อย 60% Catarratto ไม่เกิน 40% และสามารถเติมองุ่นที่กลิ่นไม่แรงอย่าง Minnella หรือ Trebbiano ได้ไม่เกิน 15 %
เอตนา ดีโอซี เบียงโก ซูเปริโอเร (Etna DOC Bianco Superiore) ต้องทำจากองุ่น Carricante อย่างน้อย 80% Catarratto หรือ Minnella ไม่เกิน 20%) ต้องเป็นองุ่นจากหมู่บ้าน Milo เท่านั้น
เอตนา ดีโอซี รอสโซ/โรซาโต (Etna DOC Rosso/Rosato) ไวน์แดงหรือโรเซต้องใช้องุ่น Nerello Mascalese อย่างน้อย 80% และ Nerello Cappuccio/Mantellato ไม่เกิน 20% และสามารถเติมองุ่นที่กลิ่นไม่แรงทั้งองุ่นแดงหรือองุ่นเขียวได้ไม่เกิน 10%
“ปลาเนตา” (Planeta) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์คุณภาพและเก่าแก่เจ้าหนึ่งบนเกาะซิซิลี สืบทอดกันมาถึงทายาทรุ่นที่ 17 ปัจจุบันผลิตไวน์ใน 4 พื้นที่คือ เมนฟี (Menfi) 11 รุ่น / วิตตอเรีย (Vittoria) 3 รุ่น / โนโต (Noto) 4 รุ่น / เอตนะ (Etna) 7 รุ่น และกาโป มิลาซซา (Capo Milazza) / 2 รุ่น
ผู้บริหารคนปัจจุบันคือนายซานติ ปลาเนตา (Santi Planeta) ซึ่งเดินทางมาแนะนำไวน์ของเขาเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อเร็ว ๆ นี่ห้องอาหารไฟร์ เพลซ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ตามคำเชิญของบริษัท IWS ผู้นำเข้าในเมืองไทย ประกอบด้วยไวน์รุ่นต่าง ๆ ดังนี้
ปลาเนตา โรเซ,ดีโอซี ซิซิเลีย 2017 (Planeta Rose,DOC Sicilia 2017) : เป็นโรเซสไตล์หอมและสดชื่น ทำจากองุ่นเนโร ดาโวลา (Nero d’Avola) และซีราห์ (Syrah) ในอัตรา 50 – 50 % จากไร่องุ่นดิสเปนซา (Dispensa) ในเมืองเมนฟี (Menfi) ทางตะวันตกของเกาะซิซิลี….สีออกไปทางกลีบกุหลาบ หอมกลิ่นดอกไม้ สตรอว์เบอร์รี แบล็คเบอร์รี พีช แบล็คเชอร์รี เอิร์ธตี้ แทนนินนิด ๆ แอซสิดกำลังพอดีดื่มอร่อยและสดชื่น
ปลาเนตา ชาร์โดเนย์,ดีโอซี เมนฟี 2018 (Planeta Chardonnay,DOC Menfi 2018) : ทำจากชาร์โดเนย์ 100% แต่มาจาก 2 ไร่คืออัลโม (Almo) และมาร็อกโคลิ (Maroccoli) ที่อยู่ในเมืองเมนฟี เช่นเดียวโรเซนั่นเอง ผลิตวินเทจแรก 1994 บ่ม11 เดือนในถังโอคฝรั่งเศสขนาด 225 ลิตร เป็นโอคใหม่ 50% อีก 50% เป็นโอคเก่า….สีเหลืองทองสดใส หอมกลิ่นผลไม้ เช่น พีช สับปะรด มะม่วงสุก เลมอน มิเนอรัล ครีมมี โอคหอมกรุ่น ๆ ควันไฟ ดอกอาคาเซีย น้ำผึ้งกรุ่น ๆ เนยมัน ๆ แอซสิดดีมาก จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล
ปลาเนตา เอตนา รอสโซ,ดีโอซี 2015 (Planeta Etna Rosso,DOC Etna 2015) : ผลิตจากองุ่นเนเรลโล มัสกาเลเซ (Nerello Mascalese) จากไร่เฟอูโด ดิ เมซโซ (Feudo di Mezzo) ในคาตาเนีย (Catania) บ่ม 6-8 เดือนในถังไม้ขนาด 50 เฮกโตลิตรและถังสแตนเลส….สีแดงเข้ม หอมกลิ่นวานิลลา พร้อมผลไม้สุก ๆ เช่น เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี เรดเบอร์รี ดอกไม้ ไอโอดีน สไปซี เปปเปอร์ เปลือกหอย มิเนอรัล แทนนินนุ่ม ๆ แอซสิดปานกลาง จบยาวด้วยผลไม้ สไปซีเฮิร์บ
ปลาเนตา ‘ซานตา เซซิเลีย’เนโร ดาโวลา,ดีโอซี โนโต 2014 (Planeta ‘Santa Cecilia’ Nero d’Avola,DOC Noto 2014) : รุ่นนี้ผลิตวินเทจแรก 1997 ทำจากองุ่นที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเกาะซิซิลีคือ “Nero d’Avola” ซึ่งแปลว่า “องุ่นดำแห่งเมืองอาโวลา” ที่ปลูกในไร่บัวนิวินิ (Buonivini) ทางตอนใต้ของเกาะ บ่ม 14 เดือนในถังบาริก…สีแดงเข้ม ได้กลิ่นผลไม้สุกหอมหวาน เช่น แบล็คเบอร์รี เชอร์รี และราสพ์เบอร์รี สไปซี่ เฮิร์บ ยี่หร่า มินต์ โอคกรุ่น ๆ มะกรูด เปลือกส้ม ไส้ดินสอ มิเนอรัล แอซสิดกำลังพอดี จบยาวด้วยผลไม้สุก เฮิร์บชุ่มคอ
ปลาเนตา ปาสซิโต ดี โนโต,ดีโอซี โนโต 2018 (Planeta Passito di Noto, DOC Noto 2018) : ไวน์หวานที่ทำจากองุ่นมอสกาโต เบียงโก (Moscato Bianco) ที่ปลูกในไร่บัวนิวินิ (Buonivini) เป็นสตรอว์ ไวน์ (Straw wine) หรือเรซิน ไวน์ (Raisin wine) ที่เกิดด้วยกระบวนการที่เรียกว่าปาสสิโต (Passito) นั่นคือ เก็บเกี่ยวองุ่นแล้วนำไปวางบนเสื่อที่ปูด้วยฟางแห้ง จากนั้นตากให้แห้งจนเหมือนลูกเกด แล้วจึงนำไปบีบคั้นน้ำองุ่นมาทำไวน์ ขวดที่นาย Santi Planeta นำมาเสิร์ฟนี้เป็นขวดแม็กนั่ม…สีเหลืองทองอร่าม หอมกลิ่นผลไม้สุกฉ่ำ เช่น แอปริคอต ลูกเกด มะม่วง กลีบดอกกุหลาบ ซีทรัส น้ำผึ้ง สไปซี่ ขิง แอซสิดดีมากดื่มแล้วไม่เลี่ยน จบยาวด้วยผลไม้สุก และซีทรัส
“ปลาเนตา” นับเป็นอีกหนึ่งไวน์จากเกาะซิซิลีที่มาสร้างและสีสันและเสน่ห์ในเมืองไทย.