รณภร คณิวิชาภรณ์ : แชมป์”เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2017”

เจน แก้วยอด

ผู้เข้ารอยสุดท้าย 12 คน

ผู้ชนะทั้งสามพร้อมกรรมการ

ผู้ชนะเลิศและรองทั้งสอง

รณภร คณิวิชาภรณ์

หนึ่งในค็อกเทลของ เจน

หนึ่งในค็อกเทลของกิติบดี

หนึ่งในค็อกเทลของรณภร

1

2

3

4

5

6

Sawasdee ของรณภร

กิติบดี ช่อทับทิม“ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส 2017” (Diageo World Class 2017) เป็นแคมเปญระดับโลกที่สานต่อเป็นปีที่ 9 โดยเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2009 เพื่อค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์เครื่องดื่มชั้นเลิศ ซึ่งสำหรับในประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมแคมเปญนี้อย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับวงการบาร์เทนเดอร์ไทยให้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากลอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งยังมอบความรู้ และสร้างเสริมทักษะประสบการณ์ให้กับผู้เข้าแข่งขัน
สำหรับปี 2017 นี้บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของโครงการ ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภายใต้แคมเปญ “Amazing Thailand” จัดการแข่งขัน “ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ เนชันแนล ไฟนอล 2017” (Diageo World Class Thailand National Final 2017) เพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ระดับประเทศในรายการแข่งขันที่ทรงเกียรติที่สุดของประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 – 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรม โซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท
เป้าหมายของการแข่งขันรายการนี้ก็เพื่อให้ความรู้และยกระดับศาสตร์ของการผสมเครื่องดื่มหรือมิกโซโลจี้ ซึ่งการแข่งขันรายการนี้ได้นำเอายอดฝีมือในแวดวงค็อกเทลของไทยมาประชันความสามารถกันอย่างเต็มพิกัด โดยได้ทำการแข่งขันรอบชนะเลิศ 2 วัน มีบาร์เทนเดอร์ 40 คนสุดท้ายเข้าประลองฝีมือใน 4 ทักษะ ได้แก่ Brands of the World,Trend of the Future,Against the Clock และ Thailand’s Signature Shakedown
การแข่งขันประเภท “Brands of the World” ผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศต้องรังสรรค์ค็อกเทลขึ้นมาใหม่หนึ่งสูตร ที่สะท้อนถึงคาแรคเตอร์และความเป็นตัวตนของแบรนด์ที่กำหนดให้ ค็อกเทลต้องมีส่วนผสมของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิล รีเสิร์ฟ,บูลเลท วิสกี้,เคเทล วัน วอดก้า,ซีรอค วอดก้า,แทงเคอเรย์,รอน ซาคาป้า หรือ ดอน ฮูลิโอ บาร์เทนเดอร์แต่ละคนมีเวลา 5 นาทีเพื่อเตรียมตัวที่บาร์ และอีก 6 นาทีในการนำเสนอต่อคณะกรรมการ ส่วนเกณฑ์การตัดสินประกอบด้วยคะแนนด้านเทคนิค ความคิดสร้างสรรค์ กลิ่น รส ความสมดุล ความชัดเจนของสปิริต และรูปลักษณ์ เป็นต้น
ขณะที่ “Trend of the Future” ผู้เข้าแข่งขันจะต้องสร้างค็อกเทล “แห่งอนาคต” ที่จะกลายเป็นเทรนด์ของค็อกเทลใหม่ในอนาคตตามความคิดและจินตนาการของแต่ละคน
ประเภท “Against the Clock” เป็นการวัดขีดความสามารถของบาร์เทนเดอร์ในการทำงานภายใต้เวลาที่จำกัด ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมีเวลา 8 นาทีในการทำค็อกเทลอย่างน้อย 5 – 8 แก้วโดยใช้ส่วนผสม เช่น วอดก้า(เคเทล วัน หรือซีรอค),จิน (แทงเคอเรย์ ลอนดอน ดราย จิน),เตกิลา (ดอน ฮูลิโอ บลังโค),รัม (ซาคาปา 23) และวิสกี้ (จอห์นนี วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล รีเสิร์ฟ,ซิงเกิลตัน ออฟ เกลน ออร์ด 12 ปี) เป็นต้น
ประเภทสุดท้าย “Thailand’s Signature Shakedown” เป็นความท้าทายผู้เข้าแข่งขันที่ต้องเตรียมป๊อปอัพบาร์และทำค็อกเทลขึ้นมาใหม่ 2 ตัวตามธีม “Thailand’s Signature” และ “Unseen Signature” สำหรับค็อกเทลธีม “Thailand’s Signature” บังคับว่าต้องใช้ จอห์นนี วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล เป็นส่วนผสมหลัก และส่วนผสมแบบไทยที่สามารถหาได้ทั่วไปและแสดงถึงเอกลักษณ์ตามวัฒนธรรมไทย ค็อกเทลที่ชนะการแข่งขันจากประเภทนี้จะถูกประกาศให้เป็น “ค็อกเทลประจำชาติ” อย่างเป็นทางการโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่วนค็อกเทลธีม “Unseen Signature” ต้องแสดงถึงความแปลกใหม่และหายากของรสชาติ คาแรคเตอร์และส่วนผสม เป็นต้น
การแข่งขันรอบตัดเชือกเพื่อชิงความเป็นหนึ่งนี้ ตัดสินโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำที่เป็นพันธมิตรและผู้ร่วมสนับสนุนจากหลายแวดวง ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์บส ไทยแลนด์, บางกอกแอร์เวย์ส, แอสตันมาร์ติน กรุงเทพฯ และลาบูทีค พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจากผู้นำในวงการธุรกิจ สื่อมวลชน ผู้บริหารสายการบิน ผู้บริหารโรงแรม แฟชั่นกูรู ผู้ฝึกสอนบาร์เทนเดอร์และตัวแทนจากองค์กรรัฐมากมายเข้าร่วมชมการแข่งขันและตัดสินบาร์เทนเดอร์ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้ง 44 คน ซึ่งผู้ชนะจากการแข่งขันเพียงหนึ่งเดียวจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อเข้าแข่งขันระดับโลกWorld Class Global Finals 2017 ในปลายปีนี้ที่เม็กซิโก
นายพรเศก ภาคสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เทรนด์การดื่มในประเทศไทยเปลี่ยนไปมากช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญและชื่นชอบเครื่องดื่มที่ประณีตและการดื่มอย่างรับผิดชอบซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ World Class ต้องการจะสื่อสารออกไป เราเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะส่งผลดีแก่อุตสาหกรรมค็อกเทลในวงกว้าง จากการให้นักผสมเครื่องดื่มได้สัมผัสกับเทรนด์ใหม่ๆ และพัฒนาทักษะซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ทั้งยังเป็นการกระจายความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์และศิลป์ของวัฒนธรรมการทำค็อกเทลแก่สาธารณชนด้วย”
ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า World Class ยังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาศักยภาพและความสามารถของผู้ประกอบอาชีพบาร์เทนเดอร์ทั่วโลก บาร์เทนเดอร์ที่ผ่านการฝึกฝนและผ่านการแข่งขันจะได้รับประกาศนียบัตร World Class ที่การันตีถึงความมีระดับ ความหรูหรามีสไตล์ ความสามารถ รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์และบริการชั้นเลิศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำค็อกเทลแถวหน้า

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการแข่งขัน World Class ที่ไม่เพียงแต่ยกระดับมาตรฐานค็อกเทล แต่ยังส่งผลให้แวดวงไฟน์ดริ้งค์กิ้งของไทยมีมาตรฐานทัดเทียมนานาชาติ จากจำนวนนักท่องเที่ยว 32.6 ล้านคนที่มาเยือนประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว การแข่งขันและการฝึกฝนจากโปรแกรม World Class จะสร้างชื่อให้ประเทศไทยในฐานะเดสติเนชั่นของการท่องเที่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ที่ขึ้นชื่อด้านการบริการเป็นเลิศ และกลายเป็นผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่มของภูมิภาคต่อไป”
สำหรับผลการแข่งขันมีดังนี้
Trend of the Future Award: ณัฐวุฒิ จีรเสถียรกุล จาก อิลฟูโม (IL Fumo)
Against the Clock Challenge Award: นพป์เศษฐ์ หิรัญวาทิต จาก แรบบิท โฮล (Rabbit Hole) / Unseen Thailand’s Signature Award: รณภร คณิวิชาภรณ์ จากแบ็คสเตจ ค็อกเทล บาร์ (Backstage Cocktail Bar) ชื่อค็อกเทล “Sawasdee” / Thailand’s Signature Cocktail Award: กิติบดี ช่อทับทิม จากแบ็คสเตจ ค็อกเทล บาร์ (Backstage Cocktail Bar) ชื่อค็อกเทล “Basil Filp” / Popular Vote: นพป์เศษฐ์ หิรัญวาทิต จาก แรบบิท โฮล (Rabbit Hole)
สุดท้ายรางวัลใหญ่ “เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ บาร์เทนเดอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ 2017” (World Class Thailand Best Bartender of the Year 2017) ผู้ชนะเลิศคือ รณภร คณิวิชาภรณ์ จากแบ็คสเตจ ค็อกเทล บาร์ (Backstage Cocktail Bar) / รองชนะเลิศ อันดับ 1 เจน แก้วยอด จากซอเรนโต (Sorrento) และรองชนะเลิศอันดับ 2 กิติบดี ช่อทับทิม จากแบ็คสเตจ ค็อกเทล บาร์ (Backstage Cocktail Bar)
รณภร คณิวิชาภรณ์ (Ronnaporn Kanivichaporn) หรือ“หนึ่ง” เคยชนะเลิศในการแข่งขัน World Class Thailand Best Bartender of the Year 2014 และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขัน Global Final World Class 2014 ที่สหราชอาณาจักร และสามารถทำอันดับได้ดีเยี่ยมคืออันดับที่ 11 จากบาร์เทนเดอร์ทั่วโลกกว่า 40 ชาติ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ความท้าทายของเขาใน Global Final World Class 2017 ที่เม็กซิโกในปลายปีนี้คือ ทำอันดับอยู่ในระดับเลขตัวเดียว
รณภร คณิวิชาภรณ์ อายุ 36 ปี จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขาการแสดงและกำกับการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ทำงานในสายวงการบันเทิงมาโดยตลอด เริ่มจากการเป็นนักแสดงภาพยนตร์โฆษณาตอนอายุ 16 ปี ผ่านงานภาพยนตร์/ละครทีวี/เวที เป็นนักร้อง นายแบบ พิธีกรรายการทีวีและอีเวนต์ นักแสดง และนักพากย์ นอกจากนั้นยังเคยเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนและ Bar Consultant ของร้าน Muse ทองหล่อ และร้าน Roof Hideaway ก่อนจะร่วมกับเพื่อนเปิดบริษัท Catering & Consulting ชื่อ Maven ทำหน้าที่เป็น Business Development Director และ Mixologist
จุดเริ่มต้นของการหลงรักค็อกเทล เกิดจากเมื่อเริ่มปาร์ตี้แล้วไม่ชอบดื่มวิสกี้ จึงพยายามหาอะไรอย่างอื่นดื่ม จนมารู้จักกับค็อกเทล ซึ่งในสมัยก่อนในเมืองไทยมีรสชาติที่เปรี้ยวหวานเป็นผลไม้ ดื่มง่าย จึงเลือกที่จะดื่มค็อกเทลแทนวิสกี้แบบผสมที่คนไทยชอบดื่มกัน เกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าค็อกเทลแต่ละตัวมีวิธีการทำอย่างไร ประกอบกับการที่ชอบกินอะไรผสมอยู่แล้ว จึงหันมาเริ่มศึกษาเรียนรู้เอง โดยการซื้อหนังสือวิธีทำมาศึกษา และถามบาร์เทนเดอร์เมื่อสั่งค็อกเทลตามสถานที่ต่าง ๆ
วันหนึ่งได้เปิดผับกับรุ่นพี่ เมื่อมีลูกค้ามาก ๆ ก็เข้าไปช่วยในบาร์ ทำให้มีโอกาสได้ใช้แอลกอฮอล์ต่างๆ ทดลองผสมด้วยตัวเอง ลองทำให้เพื่อนชิม ทำให้ลูกค้าชิมบ้าง ซึ่งเป็นรสชาติที่ตัวเองชอบ ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับคลาสสิก ค็อกเทล
จากนั้นมีเพื่อนที่เคยลองทำค็อกเทลให้ชิมมาชวนเปิดบริษัท Maven ซึ่งในตอนแรกเน้นเรื่อง Cocktail Catering ทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานซึ่งมีประสบการณ์จากต่างประเทศ จนสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมา เริ่มผสมได้จริงจังมากขึ้น จนสามารถคิดสูตรค็อกเทลที่สามารถเสิร์ฟได้จริง งานที่ภูมิใจมากคือ Blacklist ที่จัดขึ้นที่เชียงใหม่ เป็นคนคิดค็อกเทลที่เสิร์ฟในงานเกือบทั้งหมดและเป็นค็อกเทลที่ใช้ส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบของไทยและของท้องถิ่น ให้กับแขก VIP ที่ร่วมงาน
บริษัท ดิอาจิโอ โมเอท เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัด มีโครงการที่จะสร้างค็อกเทล คัลเจอร์อย่าง “Worldclass Bartender” ขึ้นมา จึงเข้าร่วมกับโครงการ ทำให้ได้เรียนรู้ทักษะและความรู้ต่างๆ มากขึ้น หลายๆ ครั้งที่เห็นผู้เข้าแข่งขันได้รับโจทย์ก็จะแอบเอาไปลองคิดตีโจทย์เองเล่น ๆ ปี 2013 จึงลองเข้าร่วมการแข่งขันจริงๆ เพื่ออยากวัดความสามารถของตัวเอง ก่อนจะชนะเลิศครั้งแรกในปี 2014 และในปี 2017 นี้เอง
ส่งกำลังใจไปช่วยเชียร์ “รณภร คณิวิชาภรณ์” ให้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ใน Global Final World Class 2017 ที่เม็กซิโกในปลายปีนี้

Thawatchai Tappitak

ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งด้านอาหาร เคยเดินทางไปทำไวน์ในยุโรป 5 ปีครึ่ง จึงนำประสบการณ์ด้านดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่แวดวงที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 20 ปี เป็นกรรมการตัดสินไวน์ บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนิตยสาร เช่น Thailand Restaurant News,GQ,Gastrogsm ฯลฯ นอกจากนั้นยังสอนไวน์ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ------------- ข้อมูลบทความ/ภาพ/วิดีโอ ในเว็บไซต์ ThatwatchaiGURU.com เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน การนำไปเผยแพร่ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ (นอกจากการแชร์) ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ----------- ติดต่อ: ThawatchaiGURU@at-Bangkok.com

You may also like...